ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

หลังจากอินเทอร์เน็ต Cloud และ AI ได้พลิกโฉมโลกธุรกิจไปแล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่ทั่วโลกต้องเตรียมรับคลื่นลูกใหม่อย่าง AI Agents เมื่อ Matt Garman ซีอีโอ Amazon Web Services (AWS) ออกมาประกาศว่า AI Agents คือ ‘จุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์’ ที่จะสร้างแรงกระแทกต่อเศรษฐกิจโลกยิ่งใหญ่กว่าที่อินเทอร์เน็ตและ Cloud เคยทำไว้ และจะนำมาซึ่งผลตอบแทนทางธุรกิจที่จับต้องได้จริงในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ในการกล่าวเปิดงาน AWS re:Invent 2025 ที่ลาสเวกัส งาน Conference ที่ใหญ่ที่สุดประจำปีของ AWS Matt Garman ระบุว่าโลกกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่ AI Agents จะเปลี่ยนทุกองค์ประกอบของธุรกิจ ตั้งแต่ประสบการณ์ลูกค้า โครงสร้างองค์กร ไปจนถึงกระบวนการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะถูกสร้างใหม่ทั้งหมด บนฐานพลังของ AI  ซึ่งพัฒนาเร็วกว่าเทคโนโลยีใดในประวัติศาสตร์ 

โดย Matt Garman ยังมองเห็นภาพอนาคตที่องค์กรทั่วโลกจะมี AI Agents นับพันล้านตัวทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์แบบทวีคูณ

ถึงเวลาของผลตอบแทนที่แท้จริงในยุค AI Agent

Matt Garman ยอมรับว่า “มูลค่าที่แท้จริงของ AI ยังไม่ถูกปลดล็อก” แม้ตลอดสองปีที่ผ่านมา Generative AI จะถูกคาดหวังอย่างสูง แต่หลายองค์กรยังไม่เห็นผลตอบแทน (ROI) ที่ชัดเจนจากการทดลองใช้ Chatbot หรือ AI Assistant แบบเดิม ทำให้หลายองค์กรเริ่มตั้งคำถามว่า Generative AI จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้จริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม Matt Garman ได้ออกมาเปิดมุมมองใหม่ที่ต่างออกไป เขาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และ AI Agents คือจุดเปลี่ยนที่แท้จริง เพราะ AI Agents ไม่ใช่เพียงเครื่องมือเสริมในกระบวนการทำงานอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถทำงานแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ต่อเนื่องหลายชั่วโมงหรือหลายวัน และทำหน้าที่แทนพนักงานในงานที่ซับซ้อนได้จริง และนี่คือจุดที่องค์กรจะเริ่มเห็น ROI แบบจับต้องได้ ไม่ใช่เพียงประโยชน์เชิงทฤษฎี หรือผลลัพธ์เล็ก ๆ จากการทดลองใช้งานอีกต่อไป

ผมเชื่อว่าการมาถึงของ AI Agents ได้นำเรามาสู่จุดเปลี่ยนของ AI ที่จะเพิ่มผลิตภาพขององค์กรในระดับมหาศาล และจะส่งผลต่อธุรกิจ เทียบเท่าหรือยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud

ตอบโต้กระแส ‘Agent Washing’ ด้วยมาตรฐานใหม่ ‘Frontier Agents’

ท่ามกลางความสับสนในตลาดว่า ‘AI Agents ของจริงคืออะไร’ และความสงสัยว่าหลายเจ้าเพียงปรับปรุง Chatbot เล็กน้อยแล้วนำมาขายเป็น Agent จนเกิดคำว่า ‘Agent Washing’ AWS จึงเปิดตัวนิยามใหม่ชื่อ Frontier Agents เพื่อสร้างมาตรฐานกลางให้ภาคอุตสาหกรรม

Frontier Agents ได้รับการนิยามว่าเป็นระบบ AI ที่สามารถทำงานอัตโนมัติได้อย่างอิสระ และสมบูรณ์ต่อเนื่องหลายชั่วโมงหรือหลายวันโดยไม่ต้องมีมนุษย์คอยกำกับ และที่สำคัญคือสามารถสังเกตและเรียนรู้จากกระบวนการทำงานของมนุษย์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง

โดยในงาน re:Invent AWS ได้เปิดตัว Frontier Agents ชุดแรก 3 ตัวที่จะเปลี่ยนเกมวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Lifecycle, SDLC) ได้แก่ Kiro Autonomous Agent, AWS Security Agent และ AWS DevOps Agent โดยทั้งหมดออกแบบมาให้สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ทันที

AWS เดินหน้าเป็น ‘AI One-Stop Shop’ วางรากฐานให้โลกยุค AI Agents

ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหญ่ของ AWS ที่ได้ประกาศยกระดับตัวเองเป็น ‘AI One-Stop Shop’  เนื่องจากการผลักดัน AI Agents ให้เกิดขึ้นจริงนั้นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ทรงพลัง AWS ในฐานะ ‘AI One-Stop Shop’ จึงมุ่งให้บริการโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร ตั้งแต่ระดับชิปจนถึงระดับซอฟต์แวร์ ด้วยนวัตกรรมสำคัญดังนี้

  • เปิดตัว ชิป Trainium3 ชิป AI 3-นาโนเมตรตัวแรกของ AWS ที่ให้กำลังประมวลผลเพิ่มขึ้น 4 เท่า ลดต้นทุนการเทรนลง 50%
  • ปิดตัว AWS AI Factories โซลูชัน Hybrid AI แบบ On-Premises เพื่อรองรับองค์กรที่ต้องการควบคุมข้อมูลเต็มรูปแบบ แต่ยังใช้ฮาร์ดแวร์และการจัดการของ AWS
  • ขยาย Amazon Bedrock ให้มีโมเดลหลากหลายขึ้นเกือบสองเท่า พร้อมเปิดตัวชุดโมเดล Amazon Nova เพื่อให้ลูกค้าเลือกโมเดลที่เหมาะกับงานได้อย่างอิสระ ตอบโจทย์แอปพลิเคชัน AI ในทุกขนาด

การประกาศครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า AWS ต้องการเป็นรากฐานหลักของโลกยุค AI Agents ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนวิธีการทำงานของมนุษย์ องค์กร และอุตสาหกรรมไปอย่างสิ้นเชิง

อ้างอิง: TechRadar


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...

Responsive image

เจาะแผน 'Quick Win' รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังดันครีเอเตอร์ไทยสู่อาชีพมั่นคง

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยน เมื่อเรากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่ 'ยอดผู้ใช้งาน TikTok แซงหน้า YouTube' อย่างชัดเจน ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขอ...

Responsive image

True Digital Group เปิดตัว 'Digital Intelligence Fabric' โซลูชันอัจฉริยะ 8 องค์ประกอบ เพื่อธุรกิจทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรม

ในงาน 'TDG Tech Horizon: Enterprise Edition' True Digital Group ชูไฮไลต์ 'Digital Intelligence Fabric' โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทุกองค์กรจำเป็นต้องมี ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบหลัก ท...