6 ขั้นตอนหลักที่องค์กรสามารถ ‘Reskill’ พนักงาน | Techsauce

6 ขั้นตอนหลักที่องค์กรสามารถ ‘Reskill’ พนักงาน

ก่อนที่การระบาดของไวรัส COVID-19 จะเกิดขึ้น การเข้ามาของเทคโนโลยีและรูปแบบใหม่ ๆ ในการทำงานนั้นได้เริ่มเข้ามาแทนที่หลาย ๆ อาชีพและทักษะที่พนักงานใช้ในการทำงาน จากการรายงานของ McKinsey Global Institute ในปี 2017 ได้คาดการณ์ไว้ว่าแรงงานจำนวน 375 ล้านคน หรือจำนวนกว่า 14% ของแรงงานโลกนั้นจะต้องปรับเปลี่ยนอาชีพและจะต้องมีทักษะใหม่ ๆ ภายในปี 2030 เนื่องจากการเข้ามาของระบบอัตโนมัติและ AI 

การระบาดทั่วโลกของ COVID-19 ได้เร่งให้การคาดการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นไวยิ่งขึ้น แรงงานหลายคนทั่วโลกนั้นได้เริ่มคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรที่จะปรับตัวในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ รวมถึงบริษัทก็เริ่มหาทางที่จะทำให้พนักงานนั้นมีสกิลที่เหมาะกับหน้าที่และงานที่เกิดขึ้นใหม่ การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้นั้นไปเกินกว่าแค่ “การทำงานจากที่บ้าน” แต่เป็นเรื่องของ “บทบาทของเทคโนโลยีและ AI” และรวมถึงการที่ผู้นำของแต่ละบริษัทจะทำอย่างไรที่จะ “ปรับทักษะ (Reskill)” และ “เสริมทักษะ (Upskill)” ในการที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้าพร้อมกับโมเดลธุรกิจใหม่ภายหลังวิกฤติ COVID-19 จบลง

3 เทรนด์ที่ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนทักษะหลัง COVID-19

ทักษะสำหรับเศรษฐกิจแบบระยะไกล

วิกฤติครั้งนี้ได้เร่งระดับของการผลักดันให้บริษัทปรับตัวสู่ดิจิทัล จากความจำเป็นที่จะต้องลดการติดต่อทางกายภาพระหว่างกัน ซึ่งนี่ได้หมายถึงการที่บริษัทนั้นต้องหาวิธีและแนวทางใหม่ในการทำงาน และในอีกทางหนึ่งก็หมายถึงความจำเป็นของบางตำแหน่งงานที่เคยมีอยู่นั้นอาจจะลดลง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบเดิมของการทำงานของพนักงานบางส่วน

อย่างในเคสของระบบการแพทย์ของประเทศอังกฤษที่สามารถปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลได้ภายใน 1 อาทิตย์เท่านั้น ก่อนหน้านี้ในปี 2019 มีแค่ 1% เท่านั้นที่ทำการนัดหมายทางการแพทย์ผ่านทางวิดิโอคอล แต่ในตอนนี้ แพทย์สามารถประเมิณอาการผู้ป่วยผ่านทางโทรศัพท์ 100% โดยมีแค่ 7% นั้นที่ต้องทำการรักษาต่อในรูปแบบของการเจอตัวต่อตัว ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้หมายถึงการที่แพทย์นั้นจะต้องเรียนรู้วิธีการประเมิณอาการผู้ป่วยทางไกลอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย และในตอนนี้ก็ได้มีการพิจารณาที่จะคงไว้ซึ่งวิธีนี้ในเมื่อการระบาดนั้นจบลง

ภาคส่วนอื่น ๆ ก็ต้องมีการฝึกทักษะใหม่ ๆ ให้พนักงาน จากความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานภายใต้การระบาดของไวรัส อย่าง ธนาคารก็จำเป็นต้องมีการฝึกอบรมข้ามสายงานให้กับพนักงานในการบริการบางอย่าง จากการใช้งานผ่านแอพพลิเคชันเพิ่มขึ้น รวมถึงต้องมีการฝึกให้พนักงานนั้นมีความอดทนในการช่วยเหลือลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการใหม่

ความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานในด้านทักษะ

การเกิดขึ้นของ COVID-19 นั้นไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานของผู้คนเท่านั้น แต่ส่งผลต่อวิธีชีวิตของผู้คนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวิธีซื้อสินค้า อาหาร การท่องเที่ยว หรือการเคลื่อนย้ายของผู้คนในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเกิดขึ้นของการระบาดในได้ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนแนวทางการจ้างงาน ซึ่งอาจทำให้เกิดการเกิดขึ้นของทักษะใหม่ของพนักงานจำนวนมาก

การแพร่ระบาดนั้นได้เร่งเทรนด์ในหมู่ผู้บริโภคไปสู่แพลตฟอร์ม E-Commerce มากกว่าการซื้อของจากร้านค้าแบบดั้งเดิม ซึ่งในประเทศจีนที่ในตอนนี้เริ่มมีลูกค้าใหม่ ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 36 ปี และผู้อยู่อาศัยในเมืองขนาดเล็ก ได้เริ่มจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์มากขึ้นภายใต้สถานการณ์การระบาด ส่วนในฝั่งยุโรป กลุ่มลูกค้าจำนวน 13% ได้เผยว่าจะเริ่มใช้การบริการผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce เป็นครั้งแรก และจากการประชุมผู้บริหารผ่านทาง Video Conference ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารหลายท่านได้คาดว่ากลุ่มลูกค้านั้นจะปรับเปลี่ยนการซื้อสินค้าไปสู่ช่องทางออนไลน์อย่างรวดเร็ว

ในส่วนของสหรัฐฯ ภาคธุรกิจขายของใช้ต่าง ๆ อย่างซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นสองถึงสามล้านคน รวมถึงบริษัทอย่าง Uber ยังได้เปิดบริการ Work Hub  สำหรับพนักงานขับรถที่สามารถหางานผ่านช่องทางนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานของ Uber โดยตรงหรือจากบริษัทอื่น ๆ ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้

การเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน

วิกฤติอาจจะทำให้บริษัทนั้นต้องปรับโครงสร้างของห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนฐานการผลิตกลับสู่ประเทศหรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนว่าทักษะใดนั้นควรจะมีและควรจะอยู่ที่ใด

บริษัทระดับโลกหลาย ๆ รายอาจจะย้ายฐานการผลิตเข้าใกล้พื้นที่การขายสุดท้ายมากขึ้น เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นและบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ที่เริ่มเร่งการย้ายฐานการผลิต รวมถึงในประเทศฝรั่งเศส ประธานาธิบดีมาครอนได้ประกาศแผนการย้ายฐานการผลิตที่สำคัญกลับเข้าประเทศ ซึ่งทำให้ภาคการผลิตสินค้าบางประเภทนั้นจะพร้อมกลับมาดำเนินการเช่นเดิมใน 12-18 เดือนข้างหน้า หลังจากทำการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ

6 ขั้นตอนหลักในการปรับเพิ่มทักษะ

1. ระบุทักษะที่ต้องการสำหรับโมเดลธุรกิจใหม่

หลังบริษัทนั้นได้โมเดลธุรกิจใหม่แล้วก็ต้องมาดูว่าทักษะของพนักงานใดนั้นจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับโมเดลธุรกิจใหม่นี้บ้าง บริษัทต้องสามารถที่จะระบุว่ามีการทำงาน, พฤติกรรม และทักษะใดบ้างที่จำเป็น ในส่วนลำดับถัดไปก็ต้องสามารถที่จะระบุจำนวนและประเภทของพนักงานที่ต้องการ ในการทำเช่นนี้จะทำให้บริษัทนั้นปรับโครงสร้างพนักงานได้อย่างรวดเร็ว

2. สร้างทักษะที่สำคัญกับโมเดลธุรกิจใหม่ให้แก่พนักงาน

บริษัทควรที่จะเพิ่มทักษะให้กับพนักงานที่จะช่วยผลักดันโมเดลธุรกิจใหม่ สิ่งแรกคือต้องสร้างเซ็ตทักษะที่จะช่วยให้พนักงานนั้นปรับตัวและตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นไปที่การลงทุนใน 4 ทักษะที่สำคัญ คือ ทักษะด้านดิจิทัล, ด้านองค์ความรู้, ด้านสังคมและอารมณ์ และด้านการปรับตัวและความยืดหยุ่น 

3. เจาะลึกเส้นทางการเรียนรู้ เพื่อปิดช่องโหว่ของทักษะที่สำคัญ

หลังจากบริษัทเตรียมที่จะปรับโมเดลธุรกิจของตัวเองใหม่ ดังนั้นสิ่งสำคัญในขั้นต่อไปคือการที่บริษัทนั้นจะต้องเจาะลึกลงไปในกลยุทธ์การวางแผนพนักงาน ผู้นำของแต่ละบริษัทนั้นจะต้องทำการประเมิณอย่างละเอียด ไม่เพียงแต่มองแค่ทักษะที่เหมาะกับโมเดลธุรกิจใหม่ แต่รวมถึงทักษะเฉพาะที่จำเป็นสำหรับแต่ละกลุ่มหรือสายงาน

อย่างเช่น ธนาคารข้ามชาตินั้นพบว่าการทำการขายแบบตัวต่อตัวนั้นจะลดลงอย่างมาก ซึ่งการขายผ่านช่องทางออนไลน์นั้นจะเข้ามาแทนที่การขายแบบดั้งเดิมอย่างมากหากมีการวางแผนที่ดีและมีประสิทธิภาพพอ ดังนั้นทางธนาคารจึงควรเริ่มที่จะเสริมทักษะให้กับพนักงานขายที่จะเจาะลึกในทักษะเฉพาะหรือในที่นี้คือทักษะการขายที่สำคัญ ซึ่งสามารถที่ทำร่วมกับการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้และพัฒนาไปพร้อมกัน

ซึ่งการที่บริษัทจะเสริมทักษะเหล่านี้ให้แก่พนักงาน ทางบริษัทสามารถที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเทรนพนักงานจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการสอนผ่านวิดีโอ หรือวิธีอื่น ๆ ที่สามารถดึงทักษะเฉพาะตัวของพนักงานออกมาได้อย่างดีที่สุด

4. เริ่มทันที เพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไป

จากการสำรวจนั้นทาง McKinsey ได้พบว่าบริษัทจำนวนมากนั้นสามารถจะทำการปรับทักษะของพนักงานได้สำเร็จ และสามารถที่จะปิดช่องโหว่ในเรื่องของทักษะ จากการเข้ามาของเทคโนโลยีและการนำโมเดลธุรกิจหรือกลยุทธ์ใหม่เข้ามาใช้ 

ซึ่งในอีกทางหนึ่ง บริษัทที่ไม่ประสบความสำเร็จก็ได้เผยว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่พวกเขานั้นก็ยังพอใจที่พวกเขาได้เริ่มกระบวนการการเปลี่ยนผ่านนี้ไปแล้วบ้าง และได้เตรียมพร้อมสำหรับการปิดช่องโหว่ทักษะในอนาคตแล้วอีกด้วย ซึ่งบทเรียนที่เราสามารถเห็นได้ชัดก็คือ การที่บริษัทเหล่านี้เริ่มโปรแกรมปรับทักษะพนักงาน ทำให้องค์กรนั้นเตรียมพร้อมสำหรับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้

5. ทำอย่างองค์กรขนาดเล็ก เพื่อผลลัพท์ที่ดีกว่า

จากผลสำรวจ โปรแกรมปรับทักษะสำหรับองค์กรขนาดเล็ก (พนักงานน้อยกว่า 1,000 คน) นั้นมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากสามารถที่จะทำตามหลักการที่เรียกว่า “Agile” ได้ดีมากกว่า สามารถที่จะเคลื่อนที่และปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากจำนวนของพนักงานที่ไม่มาก 

บริษัทเล็ก ๆ เหล่านี้ มักจะมีมุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อบกพร่องทางทักษะ ดังนั้นพวกเขาสามารถที่จะจัดลำดับความสำคัญของการปิดช่องโหว่และเลือกพนักงานสำหรับการปรับทักษะได้ดีกว่า ซึ่งนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทขนาดใหญ่นั้นไม่สามารถที่จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็วได้ในการปรับทักษะพนักงาน แต่มันแค่ค่อนข้างยากและใช้เวลายาวนานกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทเล็ก ๆ

6. รักษางบด้านการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาของพนักงาน

สิ่งที่บริษัทนั้นไม่ควรทำคือไม่ควรที่จะตัดงบทางด้านการฝึกอบรมของพนักงาน บริษัทนั้นควรใช้งบฝึกอบรมในการสร้างทักษะที่สำคัญสำหรับการปรับเปลี่ยนสู่ “Next Normal” โดยไม่ควรที่จะเสียเวลา 2-3 ปีในการไม่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานใด ๆ เลย ซึ่งสิ่งที่บริษัทควรจะทำก็คือให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ของพนักงาน ทำให้พนักงานนั้นสามารถที่จะเข้าถึงการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น และนำการฝึกอบรมเหล่านั้นเข้าสู่ช่องทางที่สะดวกที่สุด เช่น ช่องทางดิจิทัลเป็นต้น


อ้างอิง: McKinsey





ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะลึก Sovereign AI สำคัญอย่างไร ? จากปาก Jensen Huang ในวันที่ ‘ข้อมูลไทย’ คือทรัพยากรใหม่

สำรวจบทบาทของ Sovereign AI ในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย พร้อมคำอธิบายจาก Jensen Huang CEO ของ NVIDIA เกี่ยวกับ AI ไทยและ Open Thai GPT ที่จะเปลี่ยนอนาคตของเทคโนโลยีในประเทศไทย...

Responsive image

สรุป 3 ความร่วมมือ Jensen Huang ร่วมงาน AI Vision for Thailand ไทยได้อะไรบ้าง ?

Jensen Huang เดินทางเข้าร่วมงาน AI Vision for Thailand จัดขึ้นโดย SIAM.AI CLOUD โดยได้เผยวิสัยทัศน์การขับเคลื่อน AI ในประเทศไทย ทั้งนี้ Siam.AI ได้เปิดตัวโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ...

Responsive image

Apple เสนอลงทุนในอินโดฯ เพิ่ม 10 เท่า มูลค่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ สู้ปลดแบน iPhone 16

Apple ทุ่มสุดตัว! เพิ่มเงินลงทุนในอินโดนีเซีย 10 เท่า เป็น 1,000 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังข้อเสนอเดิมถูกปัดตก เป้าหมายปลดแบนการขาย iPhone 16 ในอินโดฯ ให้สำเร็จ...