
Affinity ผู้พัฒนาแอปดีไซน์ระดับโปรที่ได้รับความนิยมสูง ได้ประกาศเปิดตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่มาในรูปแบบ 'All-in-One' รวมทุกเครื่องมือไว้ในแอปเดียว และที่สำคัญที่สุดคือ 'ฟรีสำหรับทุกคน'
การตัดสินใจทุ่มตลาดครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ Canva แพลตฟอร์มดีไซน์ยักษ์ใหญ่ เข้าซื้อกิจการ Affinity เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ด้วยมูลค่ามหาศาล Affinity ระบุชัดเจนว่าต้องการแก้ไขปัญหา 'Pain Point' ที่เรื้อรังในอุตสาหกรรม ทั้งเรื่อง 'ค่าซอฟต์แวร์ที่พุ่งสูง' และ 'ระบบ Subscription' ที่น่าปวดหัว (ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการท้าชนเจ้าตลาดอย่าง Adobe)
Affinity โฉมใหม่นี้จะรวมทุกอย่างที่ครีเอทีฟต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานภาพถ่าย, งานออกแบบกราฟิก หรือ งานวาดภาพประกอบ (Illustrator) ไว้ในแอปพลิเคชันเดียว โดยฟีเจอร์หลักที่สร้างชื่อให้ Affinity ทั้งความเร็ว, ความแม่นยำ, การควบคุมเชิงลึก และการแก้ไขแบบ 'Non-destructive' ยังคงอยู่ครบถ้วน แถมยังทรงพลังกว่าเดิมบนเอนจิ้นตัวใหม่
อย่างไรก็ตาม 'ของฟรี' นี้มี 'ดอกจัน' เล็กน้อย แม้ว่าตัวแอปและฟีเจอร์หลักทั้งหมดจะฟรี 100% แต่หากผู้ใช้ต้องการใช้ฟีเจอร์ 'Generative AI' ระดับพรีเมียมของ Canva (เช่น Generative Fill, Expand & Edit หรือ Remove Background) ที่ถูกผนวกเข้ามาใน 'Canva AI Studio' ภายในแอป Affinity ผู้ใช้จำเป็นต้องมี 'สมาชิกระดับพรีเมียมของ Canva'
Affinity และ Canva ย้ำว่า ฟีเจอร์ AI นี้ถูกสร้างโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว โดย AI จะรันบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ และข้อมูลงานสร้างสรรค์จะไม่ถูกนำไปใช้ในการฝึก AI ต่อ

การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ของ Canva ที่ต้องการผสานจุดแข็งของทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน นั่นคือความใช้งานง่าย และเข้าถึงได้ของ Canva กับ ความเป็นมืออาชีพและทรงพลัง ของ Affinity
แอปใหม่นี้ยังคงรองรับไฟล์มาตรฐานอุตสาหกรรมอย่าง PSD, AI, PDF, และอื่นๆ ทำให้การทำงานร่วมกันไม่มีสะดุด นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอการทำงาน (Workspace) ได้อย่างอิสระ สามารถบันทึกการตั้งค่าไว้ใช้ในโปรเจกต์ต่างๆ หรือแม้แต่แชร์เวิร์กโฟลว์ให้กับทีมและชุมชนได้
Affinity กล่าวทิ้งท้ายว่า 'อิสรภาพในการสร้างสรรค์ไม่ควรมาพร้อมกับต้นทุน' และ 'นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น' ของการสร้างอนาคตที่ทุกคนสามารถออกแบบได้ในระดับสูงสุด โดยไร้อุปสรรค
Affinity โฉมใหม่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีแล้ววันนี้ ทั้งบน macOS และ Windows ส่วนเวอร์ชันสำหรับ iPad จะตามมาในปีหน้า
ที่มา: PataPixel
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด