“All I Want for Christmas Is You” เพลงคริสต์มาสระดับตำนานจาก Mariah Carey ที่ปล่อยออกมาในปี 1994 ยังคงเป็นเพลงที่เราหลีกหนีไม่พ้นในช่วงปลายปี ไม่ว่าจะเปิดในห้าง ร้านกาแฟ หรือกระทั่งในปาร์ตี้ที่บ้าน หลังผ่านไปเกือบ 30 ปี เพลงนี้ก็ยังคงติดอันดับชาร์ตอย่างเหนียวแน่น และเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาสไปแล้ว
แต่คำถามที่หลายคนสงสัยมากกว่าความอมตะของเพลงนี้ก็คือ “เพลงนี้ทำเงินให้ Mariah Carey ไปเท่าไหร่แล้ว ?”
จากการประเมินของ Billboard เพลง "All I Want for Christmas Is You" ของ Mariah Carey ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงคริสต์มาสที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ ในปี 2022 ปีเดียว เพลงนี้ทำเงินจากการดาวน์โหลดและสตรีมมิ่งแบบออนดีมานด์ได้ประมาณ 2.7–3.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 92–112 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากแหล่งอื่น เช่น รายการทีวีพิเศษช่วงคริสต์มาส
นอกจากนี้ Spotify ยังเผยว่าเพลงนี้เป็นเพลงคริสต์มาสเพลงแรกที่มียอดสตรีมเกิน 2 พันล้านครั้งทั่วโลก และครองอันดับ 1 ในวันคริสต์มาสทุกปีตั้งแต่ปี 2016
George Howard ศาสตราจารย์จาก Berklee College of Music และอดีตประธานค่ายเพลง Rykodisc กล่าวว่า Mariah Carey น่าจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่มากกว่าศิลปินส่วนใหญ่ เพราะเธอมีบทบาทหลากหลายในเพลงนี้ ตั้งแต่เป็นศิลปินหลัก ผู้แต่งเพลงร่วม และผู้ผลิตเพลงร่วม (Walter Afanasieff ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีเครดิตในบทบาทนี้)
รายได้จากเพลงนี้มาจากลิขสิทธิ์ 2 ส่วนหลัก คือ
Carey ถือครองลิขสิทธิ์ทั้งสองส่วน ทำให้เธอได้รับรายได้แบบเต็ม ๆ จากทุกช่องทาง
"เธอได้รับเงินในทุก ๆ ช่องทางเท่าที่จะเป็นไปได้" Howard กล่าว
ตลอดระยะเวลา 30 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 1994 เพลงนี้ทำรายได้สะสมประมาณ 103 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,700 ล้านบาท) โดยตัวเลขนี้รวมรายได้จากสตรีมมิ่ง การดาวน์โหลด รายได้จากการคัฟเวอร์เพลงโดยศิลปินคนอื่น และลิขสิทธิ์จากการเล่นเพลงในพื้นที่สาธารณะ
จากยอดสตรีมใน Spotify เพียงอย่างเดียว เพลงนี้สร้างรายได้ไปแล้วถึง 9.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 334 ล้านบาท)
ลิขสิทธิ์ของผลงานที่ตีพิมพ์หลังวันที่ 1 มกราคม 1978 โดยทั่วไปจะยังคงมีผลอยู่ตลอดอายุขัยของผู้สร้าง และเพิ่มอีก 70 ปีหลังจากการเสียชีวิต ตามข้อมูลจาก Chee จาก Donahue Fitzgerald
ในกรณีของงานที่สร้างร่วมกันโดยผู้เขียนสองคนขึ้นไป เช่น All I Want for Christmas Is You กฎนี้จะใช้กับผู้เขียนคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิต
นั่นหมายความว่าทรัพย์สินของ Carey จะยังคงได้รับค่าลิขสิทธิ์ไปอีกหลายทศวรรษ จนกว่าเพลงจะกลายเป็นสาธารณสมบัติ เมื่อถึงตอนนั้น เพลงนี้จะเข้าร่วมกลุ่มเพลงคริสต์มาสคลาสสิก เช่น "Jingle Bells" และ "We Wish You a Merry Christmas" ซึ่งสามารถนำไปใช้งานหรือปรับแต่งได้อย่างเสรี
George Howard ชี้ว่าสำหรับเขา เพลง "All I Want for Christmas Is You" ไม่ใช่แค่เพลงคริสต์มาส แต่คือ "เครื่องจักรทำเงิน" ที่ยังคงสร้างรายได้มหาศาลทุกปี
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด