Google DeepMind ทีมพัฒนา AI ของ Google เปิดตัว AlphaEvolve โดยเป็น AI Agent ตัวใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Gemini ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อค้นหา และปรับปรุงอัลกอริทึมที่ซับซ้อนทางด้านคณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์
หากอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น AlphaEvolve เปรียบเสมือนนักเขียนโค้ดในคราบ AI โดยปกติแล้ว AI ประเภท LLM อาจจะเขียนโค้ดได้ดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ทีเด็ดของ AlphaEvolve คือ มันจะให้คะแนนโค้ดที่ Gemini เสนอมา คัดอันที่ไม่ดีทิ้งไป ปรับปรุงอันที่ดีกว่า แล้วทำซ้ำๆ จนกว่าจะได้อัลกอริทึมที่ดีที่สุด
รองประธานของ Google DeepMind เรียก AlphaEvolve ว่าเป็น Super Coding Agent หรือสุดยอดนักเขียนโค้ด เนื่องจาก AI ตัวนี้ไม่ได้แค่นำเสนอโค้ดที่ดีกว่า หรือแก้ไขโค้ดเดิมที่มีอยู่ แต่ มันสร้างผลลัพธ์ที่บางทีอาจไม่มีใครนึกถึงมาก่อน ในหลายกรณี ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพหรือแม่นยำกว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่มนุษย์เคยเขียน หรือแม้กระทั่งนำไปสู่การสร้างอัลกอริทึมใหม่ด้วยตัวมันเอง
หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ AlphaEvolve ได้คิดค้นวิธีปรับปรุงซอฟต์แวร์ที่ Google ใช้ในการจัดสรรงานให้กับเซิร์ฟเวอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลก โดย Google DeepMind ระบุว่า พวกเขาได้ใช้ AI ตัวนี้ในศูนย์ข้อมูลทั้งหมดมาเป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว ทำให้ประะหยัดทรัพยากรการประมวลผลทั้งหมดของ Google ไปได้ราว 0.7% อาจฟังดูไม่มาก แต่สำหรับบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Google นี่ถือว่าช่วยประหยัดพลังงานและทรัพยากรได้อย่างมหาศาล และยังช่วยให้จัดการงานได้มากขึ้นในทรัพยากรเท่าเดิม
AlphaEvolve เป็นโปรเจ็กต์ที่พัฒาต่อยอดมาจากงานของ Google DeepMind ที่พัฒนามาหลายปี พวกเขาต้องการสร้าง AI ที่ช่วยพัฒนาความรู้ของมนุษย์ในด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยในปี 2022 พวกเขาพัฒนา AlphaTensor โมเดลที่ค้นพบวิธีคูณเมริกซ์ได้เร็วกว่าเดิม ในปี 2023 ก็ได้เปิดตัว AlphaDev ที่ค้นพบวิธีคำนวนพื้นฐานหลายอย่างที่คอมพิวเตอร์ทำซ้ำๆ วันละหลายล้านล้านครั้งได้เร็วขึ้น
ต่อมาในปลายปี 2023 FunSearch ก็ได้เปิดตัว โดยเปลี่ยนจาก AI ที่เล่นเกมมาเป็นโมเดลภาษาที่สามารถสร้างโค้ดได้ ซึ่ง AlphaEvolve ก็คือรุ่นพัฒนามาจาก FunSearch โดยแทนที่จะสร้างโค้ดสั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด มันสามารถพัฒนาชุดโค้ดทั้งหมด และสร้างโปรแกรมที่ยาวหลายร้อยบรรทัดได้ ทำให้ประยุกต์ใช้กับปัญหาที่ซับซ้อน และหลากหลายได้มากกว่าเดิม
สำหรับวิธีการทำงาน เราสามารถสั่ง AlphaEvolve ได้เหมือนกับ LLM ทั่วไป แค่บอกรายละเอียดปัญหา และความต้องการ AlphaEvolve ก็จะให้ Gemini 2.0 Flash (LLM ตัวท็อปของ Google ที่เล็ก และเร็วที่สุด) สร้างชุดโค้ดหลายๆ แบบเพื่อแก้ปัญหานั้น
จากนั้น AlphaEvolve จะนำโค้ดที่ถูก Generate มาทดลองรันดูว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด และให้คะแนนตามเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น โค้ดนี้ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องไหม ? ทำงานได้เร็วกว่าเดิมหรือเปล่า ? เป็นต้น
AlphaEvolve จะเลือกโค้ดที่ทำงานได้ดีที่สุดในรอบนั้น แล้วสั่งให้ Gemini ปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีก บางครั้ง AlphaEvolve อาจโยนไกด์ไลน์บางอย่างกลับมาให้ Gemini เพื่อไม่ให้ Gemini เกิดอาการคิดวนจนตัน
และเมื่อ Gemini Flash คิดไม่ออก AlphaEvolve จะทำกาารเรียก Gemini 2.0 Pro ซึ่งเป็น LLM ที่ทรงพลังที่สุดของ Google มาช่วยอีกแรง แนวคิดคือให้ตัว Flash ที่ทำงานได้เร็วกว่าเป็นตัวสร้างวิธีแก้ปัญหาจำนวนเยอะๆ แล้วค่อยให้ตัว Pro ค่อยๆ ที่คิดได้ช้า แต่เก่งกว่า เป็นตัวที่ช่วยสรวลโค้ดอีกที
แม้ว่าปัจจุบัน AlphaEvolve จะถูกนำไปใช้ในด้านคณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์เป็นหลัก แต่ด้วยความสามารถ ทำให้สามารถนำไปใช้กับปัญหาใดๆ ก็ตามที่วิธีแก้ปัญหาสามารถอธิบายเป็นอัลกอริทึมได้ โดย Google DeepMind เชื่อว่า AlphaEvolve สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอีกหลายๆ ด้าน เช่น วัสดุศาสตร์ การค้นพบยา ความยั่งยืน และการประยุกต์ใช้ทางเทคโนโลยีและธุรกิจในวงกว้าง
โดยในตอนนี้ Google DeepMind กำลังพัฒนา User Interface ที่ง่ายต่อการใช้งาน และมีแผนจะเปิด Early Access Program ให้นักวิจัย และนักวิชาการได้ทดลองใช้ในอนาค
อ้างอิง : MIT Technology Review
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด