Amazon.com Inc. กลายเป็นบริษัทมหาชนแห่งแรกของโลกที่สูญเสียมูลค่าทางตลาดนับล้านล้านดอลลาร์ เนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น และผลประกอบการที่ไม่เป็นตามเป้า ทำให้เกิดการเทขายหุ้นในปีนี้
หุ้นของบริษัทร่วงลงถึง 4.3% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าในตลาดอยู่ที่ประมาณ 879 พันล้านดอลลาร์ จากที่เคยไปแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 1.88 ล้านล้านดอลลาร์ ในเดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่ง Amazon และ Microsoft ต่างแข่งขันกันเพื่อฝ่าวิกฤติที่ไม่พึงประสงค์นี้ โดย Microsoft นั้นได้สูญเสีย 889 พันล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2564
การที่หุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโต (Growth Stock) ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาตลอดทั้งปี รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มีรายได้สูงสุด 5 อันดับแรกของสหรัฐฯ ต้องสูญเสียมูลค่าในตลาดเกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้
แม้ในปีนี้ Amazon จะปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ของ e-Commerce ที่รายได้ชะลอตัว เนื่องจากผู้บริโภคกลับมามีพฤติกรรมการใช้จ่ายเหมือนก่อนการแพร่ระบาดอีกครั้ง แต่หุ้นของบริษัทร่วงลงถึง 50% ท่ามกลางยอดขายที่ชะลอตัว ต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้น นับตั้งแต่ต้นปี เจฟฟ์ เบซอส ผู้ร่วมก่อตั้งได้เห็นแล้วว่าตัวเลขของรายได้นั้นลดน้อยลงประมาณ 83 พันล้านดอลลาร์ ถึง 109 พันล้านดอลลาร์ตามข้อมูลที่รายงานจาก Bloomberg
ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว Amazon ได้คาดการณ์การเติบโตของรายได้ว่าจะช้าที่สุดในช่วงวันหยุดยาว นับเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัท เนื่องจากผู้ซื้อลดการใช้จ่ายลงเมื่อเผชิญกับความไม่แน่นทางเศรษบกิจ ส่งผลให้มูลค่าตลาดต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการลุกลามของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเมื่อสองปีที่แล้ว
อ้างอิง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด