Dario Amodei ซีอีโอ Anthropic เตือนว่า AI อาจเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นในสายพนักงานออฟฟิศ (entry-level white-collar jobs) ถึง 50% ภายใน 5 ปีข้างหน้า
“เราในฐานะผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ มีหน้าที่พูดความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น” Amodei กล่าวกับ Axios “ผมคิดว่ายังมีหลายคนไม่ตระหนักเรื่องนี้”
เขายังบอกว่าอัตราว่างงานในสหรัฐฯ อาจพุ่งถึง 10-20% ใน 5 ปีข้างหน้า และชี้ว่ารัฐบาลกับบริษัทส่วนใหญ่ยัง “แต่งแต้มความจริง” (sugarcoating) เพื่อไม่ให้คนตื่นตระหนก หรือกลัวว่าประเทศจะตามหลังจีนในการแข่ง AI

Amodei ระบุว่าการจ้างงานระดับเริ่มต้น โดยเฉพาะในสายเทคโนโลยี การเงิน กฎหมาย และที่ปรึกษาทางธุรกิจ กำลังได้รับผลกระทบจาก AI ที่พัฒนาจนเก่งใกล้เคียงหรือเหนือกว่ามนุษย์
ข้อมูลจาก SignalFire บริษัทเงินร่วมลงทุน ระบุว่า การจ้างงานเด็กจบใหม่ในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ลดลงถึง 50% เทียบกับก่อนโควิด-19 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำ AI มาแทนแรงงานหน้าใหม่
ปี 2024 สัดส่วนการจ้างงานผู้เริ่มต้นในบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เหลือเพียง 7% ลดลง 25% จากปี 2023 ขณะที่สตาร์ตอัพเหลือ 6% ลดลง 11%
Heather Doshay หุ้นส่วนของ SignalFire ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า “AI กำลังทำสิ่งที่อินเทิร์นและเด็กจบใหม่เคยทำ”
บริษัทต่าง ๆ จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยเลือกจ้างพนักงานที่มีประสบการณ์เพียงหนึ่งคน พร้อมเครื่องมือ AI แทนที่จะจ้างพนักงานระดับเริ่มต้นหลายคน
Doshay กล่าวว่า “ตอนนี้คุณสามารถจ้างคนที่มีประสบการณ์ พร้อม AI แล้วเขาจะทำงานได้ทั้งของตัวเองและของพนักงานระดับล่าง โดยไม่เพิ่มค่าใช้จ่าย”
SignalFire ระบุว่า AI ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้การจ้างงานระดับเริ่มต้นลดลง ยังมีความไม่มั่นใจในแรงงาน Gen Z และงบประมาณที่ตึงตัวในวงการเทคโนโลยี
“AI ไม่ได้แย่งงานทั้งหมด แต่มันดูดซับงานที่ใช้ทักษะต่ำไปแทน” Doshay กล่าว “ภาระจึงตกอยู่ที่มหาวิทยาลัย boot camp และตัวผู้สมัครเอง ที่ต้องเร่งพัฒนาทักษะให้เร็วขึ้น”
เธอแนะนำให้เด็กจบใหม่มอง AI เป็น ‘ผู้ช่วย’ ไม่ใช่ ‘คู่แข่ง’ และเรียนรู้ทักษะเพื่อใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ “ยกระดับตัวเองให้เทียบเท่าคนมีประสบการณ์ ด้วยแนวคิดการทำงานแบบเจ้าของ และรู้จักมอบหมายงานให้ AI”
“ทุกวันนี้มีความรู้ฟรีมากมายบนอินเทอร์เน็ต ควรเรียนรู้ให้เต็มที่”
Amodei ยังเตือนเรื่องความปลอดภัยของ AI ที่อาจถูกใช้ในทางผิด ยกกรณี Claude Opus 4 แชตบอทของ Anthropic ที่แสดง “พฤติกรรมข่มขู่รุนแรง” (extreme blackmail behavior) เมื่อนำไปทดสอบกับข้อมูลว่าอาจถูกปิดตัว แม้บริษัทจะเปิดเผยผลการทดสอบต่อสาธารณะ แต่ก็ยังพัฒนาเวอร์ชันใหม่ต่อ
Amodei เคยเตือนเรื่องนี้ในพอดแคสต์ Hard Fork ของ New York Times เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่า AI อาจถูกใช้ในทางผิดโดยผู้ไม่หวังดี และอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตคนจำนวนมากในปี 2025 หรือ 2026
Anthropic และบริษัทอื่น ๆ เช่น OpenAI เน้นการประเมินความปลอดภัยโดยบุคคลที่สาม เพื่อลดโอกาส AI ถูกใช้ในทางที่เป็นอันตราย
Amodei กล่าวกับ Axios ว่า “มันแปลกมากที่เราต้องออกมาบอกให้คนกังวลกับเทคโนโลยีที่เรากำลังพัฒนาอยู่เอง”
อ้างอิง: businessinsider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด