AnyMind Group บริษัทที่เปิดทำธุรกิจแบบครบวงจร (End-to-end Commerce Enablement Company) ได้ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ระดมทุนอีกกว่า 4 พันล้านเยน (หรือประมาณ 29.4 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับการระดมทุนใน Series D จนถึงปัจจุบันบริษัทมีการระดมทุนแล้วทั้งสิ้นประมาณ 91.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ 1 พันล้านเยนจาก Mizuho Bank สำหรับใช้ในอนาคตด้วย โดยก่อนหน้านี้ AnyMind Group ได้มีการออกหุ้น Series C เพื่อใช้เข้าซื้อกิจการในต่างประเทศสำหรับบริษัท ENGAWA ที่ประกอบกิจการด้านการตลาดเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา
การระดมทุน Series D ในครั้งนี้ มาจากนักลงทุนรายใหม่ รวมถึง JIC Venture Growth Investments (JIC Venture Growth Fund I Investment Limited Partnership), Japan Post Investment Corporation (Japan Post Investment I, ILP), Nomura SPARX Investment (Japan Growth Capital Investment Corporation), and PROTO Ventures Inc. (PROTO Ventures 2 Investment Limited Partnership) ร่วมกับผู้ลงทุนเดิมอย่าง Mitsubishi UFJ Capital (Mitsubishi UFJ Capital VII, Limited Partnership)
โดยเงินทุนนี้จะนำไปใช้เพื่อเสริมความมั่นคงและความก้าวหน้าให้กับบริษัทในด้านการดำเนินธุรกิจและการเข้าซื้อกิจการในอนาคตต่อไป
ในการระดมทุนสำหรับ Series D นี้ Kosuke Sogo, CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group กล่าวว่า "แม้สถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อโลก แต่ธุรกิจของเรายังสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน เราได้เห็นเศรษฐกิจทั่วทั้งเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบอาเซียนและอินเดีย มีการเปลี่ยนโมเมนตัมการเติบโตของธุรกิจที่กลับมาอย่างรวดเร็ว เราจึงมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจของเราต่อไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และขยายขีดความสามารถผ่านการควบรวมกิจการพร้อมกับเสริมการลงทุนและโครงสร้างผลกำไรเพื่อการเติบโต เพื่อการเป็นผู้นำในการทำธุรกิจในเอเชียต่อไป”
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัว AnyChat แพลตฟอร์มสำหรับใช้สนทนาทางการค้า และต่อมาในเดือนเมษายน ก็ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการจัดการอีคอมเมิร์ซ AnyX ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่านการจัดการโดยการรวมช่องทางอีคอมเมิร์ซหลาย ๆ ช่องทางไว้ด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียว การระดมทุนในรอบนี้จะใช้เพื่อปรับปรุงแพลตฟอร์มทั้งหมดของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเสริมความมั่นคงในส่วนแบ่งการตลาดของทุก ๆ ประเทศที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่
นอกจากนี้ เงินทุนจะเตรียมไว้สำหรับการเข้าซื้อกิจการในอนาคต ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ จนถึงปัจจุบัน AnyMind Group ได้เข้าซื้อกิจการทั้งสิ้น 7 แห่งในหลายประเทศ รวมถึงใน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไทย และอินเดีย ซึ่งเหตุผลในการเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ นอกจากเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นผู้นำด้านธุรกิจแล้ว บริษัทยังต้องการขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาคใหม่ ๆ และเปิดรับช่องทางการทำธุรกิจที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ในปี พ.ศ.2564 AnyMind Group มีรายได้กว่า 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตทางด้านรายได้ (พ.ศ.2560 - พ.ศ.2564) อยู่ที่ 62%
AnyMind Group ก่อตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี พ.ศ.2559 และต่อมาได้ขยายไปสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก อินเดีย และตะวันออกกลาง ในปี พ.ศ.2562 บริษัทได้ทำการย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบัน AnyMind Group มีสำนักงานทั้งหมด 17 แห่ง ใน 13 ประเทศ โดยมีพนักงานรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 1,000 คนจาก 27 สัญชาติ
ก่อนการเปิดตัว AnyChat บริษัทได้พัฒนาและเปิดตัวแพลตฟอร์มเพื่อการผลิตสินค้าอย่าง AnyFactory และแพลตฟอร์มการจัดการด้านโลจิสติกส์อย่าง AnyLogi จุดเริ่มต้นธุรกิจของบริษัทเริ่มจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการตลาดด้วยการใช้แพลตฟอร์มสำหรับการโฆษณาและการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ หลังจากนั้นได้ขยายไปสู่ธุรกิจกับสื่อที่ให้บริการพื้นที่โฆษณาและธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างสรรค์เนื้อหาตามลำดับ
ข้อเสนอเกี่ยวกับการทำธุรกิจแบบ End-to-End ของ AnyMind Group
การเปลี่ยนแปลงในช่วงสองปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นเนื่องจาก AnyMind Group มีการสร้างและปรับปรุงชุดเครื่องมือของบริษัท ซึ่งบริษัทเล็งเห็นว่าการปรับปรุงในครั้งนี้จะเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจในยุคต่อไปอย่างแน่นอน ผู้ประกอบการจะบริหารจัดการธุรกิจทั้งหมดได้ในแพลตฟอร์มเดียวอย่างไร้พรมแดน และเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้ชุดข้อมูลที่มีเพื่อขยายธุรกิจให้มีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นได้ด้วยเช่นกัน โดยเราเรียกสิ่งนี้ว่า "Next-generation Commerce"
ในบรรดาธุรกิจที่หลากหลายของบริษัทและการขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ Kosuke Sogo ได้กล่าวไว้ว่า “เราจะเดินหน้าเพื่อให้การทำธุรกิจมีความน่าตื่นเต้นสำหรับทุกคน โดยการปรับปรุงและขยายนวัตกรรมซึ่งเป็นรากฐานของการทำธุรกิจในยุคต่อไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราได้พัฒนาแพลตฟอร์มอันเกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจแบบ End-to-End ซึ่งใช้ได้แบบเดี่ยว ๆ และตอนนี้สามารถใช้ร่วมกันเพื่อเป็นเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเราเท่านั้น เพราะเราเพิ่งเริ่มขับเคลื่อนธุรกิจที่น่าตื่นเต้นบางส่วนเท่านั้น”
ทางคุณพันธ์ศักดิ์ ลิ้มวัฒนายิ่งยง, Country Manager ประจำประเทศไทย ก็ได้กล่าวว่า “สำหรับ Anymind ในประเทศไทยนั้น มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราพร้อมอย่างยิ่งที่จะแนะนำเครื่องมือทั้งหมดของ Anymind ผสมผสานกับทีมงานที่มีคุณภาพในการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้การทำการตลาดของลูกค้ามีความน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น และสามารถมุ่งหวังผลไปสู่ยอดขายของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด