เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา Apple ได้จัดงานเปิดตัวสินค้าในธีมหลักอย่าง "It's Glowtime" โดยมีไฮไลท์หลักคือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัทอย่าง iPhone 16 และแต่ไม่ใช่เพียงแค่การเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่เท่านั้น Apple ยังเปิดตัวคุณสมบัติและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอย่าง Watch Series 10 และ AirPods อีกด้วย
และนี่คือสรุป 8 การเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่คุณต้องรู้ในงาน Apple It's Glowtime 2024 !
นอกเหนือจากปุ่ม Action Button จาก iPhone 15 Pro แล้ว iPhone 16 และ 16 Plus ยังมีปุ่มใหม่ที่คล้ายกับกล้อง DSLR ซึ่งคุณสามารถใช้กดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอได้ รวมถึงยังสามารถถ่ายวิดีโอเชิงมิติพื้นที่หรือ Spatial Video สำหรับ Apple Vision Pro ได้ และ iPhone 16 ยังมีโปรเซสเซอร์ A18 ที่เร็วขึ้นเพื่อรองรับคุณสมบัติ AI ใหม่
โดย iPhone 16 ขนาด 6.1 นิ้วมีราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท ในขณะที่รุ่น Plus ขนาด 6.7 นิ้วมีราคาเริ่มต้นที่ 34,900 บาท ทั้งสองรุ่นมีสีขาว ดำ เขียว ชมพู และน้ำเงิน สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้วันที่ 13 ก.ย. 67 และเปิดขายจริงในวันที่ 20 ก.ย. 67 นี้
iPhone 16 Pro และ Pro Max มีหน้าจอที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย รุ่น Pro มีหน้าจอ 6.3 นิ้ว (เพิ่มขึ้นจาก 6.1 นิ้ว) และรุ่น Pro Max มีหน้าจอ 6.9 นิ้ว (เพิ่มขึ้นจาก 6.7 นิ้ว) โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับปุ่มถ่ายภาพใหม่เหมือนกับ iPhone 16 นอกจากนี้ยังมีชิป A18 Pro ที่ได้รับการอัปเกรด โดยรุ่น Pro Max มี "อายุการใช้งานแบตเตอรี่ iPhone ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา" ตามที่ Apple กล่าว
ในปีนี้ ทั้งรุ่น Pro และ Pro Max มาพร้อมกล้องเทเลโฟโต้ซูม 5 เท่าแบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกล้องอัลตราไวด์ 48 เมกะพิกเซลที่ได้รับการอัปเกรดและกล้อง Fusion โดยรุ่น Pro มีให้เลือกในสีทอง ดำ ขาว และไททาเนียม (เทา) ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 39,900 บาท ในขณะที่ Pro Max เริ่มต้นที่ 48,900 บาท สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้วันที่ 13 ก.ย. 67 และเปิดขายจริงในวันที่ 20 ก.ย. 67 นี้
iPhone 16 ทุกรุ่นพร้อมแล้วสำหรับฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Apple ที่เรียกว่า Apple Intelligence ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานเวอร์ชันเบต้าในเดือนหน้า โดยจะเริ่มให้ใช้งานเพียงภาษาอังกฤษก่อน ฟีเจอร์ AI จะมีความสามารถที่น่าสนใจ เช่น ค้นหารูปภาพในคลังภาพของคุณด้วยการอธิบายรูปภาพ และสร้าง Custom emoji ได้
นอกจากนี้ปุ่มควบคุมกล้องของ iPhone 16 มีคุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า Visual Intelligence ด้วยคุณสมบัตินี้ จะสามารถจดจำสิ่งต่างๆ ในรูปภาพที่คุณถ่ายได้โดยอัตโนมัติ
Apple Watch Series 10 เป็น Apple Watch ที่บางที่สุดและมาพร้อมกับหน้าจอ OLED มุมกว้างที่ใหญ่กว่าซึ่งสว่างกว่า 40% เมื่อมองจากด้านข้าง นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงมีเซ็นเซอร์ในตัวซึ่งสามารถวัดความลึกและอุณหภูมิของน้ำได้
โดยตัว Apple Watch ทั้งสองรุ่นทั้งอลูมิเนียมและไทเทียม ผลิตจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ถึง 100 และ 95 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ อัพเดทจากรุ่นก่อนหน้าที่สามารถรีไซเคิลได้ 75% ถือเป็นการต่อเนื่องความพยายาม Neutral Carbon ของ Apple Watch
Apple Watch Series 10 มาในตัวเรือนอะลูมิเนียมเงาสีดำ มีตัวเลือกสีด้านสำหรับสีโรสโกลด์และสีเงิน หรือตัวเรือนไททาเนียมขัดเงาที่เบากว่า Series 9 ถึง 20% ราคาเริ่มต้นที่ 14,900 บาท
Apple Watch Ultra ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใดๆ ในงานนี้ แต่ Apple ได้เปิดตัวสีใหม่แบบ Satin Black นอกจากนี้ Apple ยังเปิดตัวสายแบบ Milanese Loop ไททาเนียม ซึ่ง Apple บอกว่าทำจากไททาเนียมที่ทนต่อการกัดกร่อนและออกแบบมาสำหรับการดำน้ำ
Apple เผยโฉม AirPods 4 ซึ่งตอนนี้มีชิป H4 ใหม่เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ด้าน Apple กล่าวว่านี่คือ "AirPods ที่สวมใส่สบายที่สุด" เท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติเช่นการแยกเสียงและโหมดโปร่งใส
นอกจากนี้เคสชาร์จก็มีขนาดเล็กลง และเป็นแบบ USB-C รวมถึงมีลำโพงเพื่อช่วยให้คุณค้นหาได้โดยใช้แอพ Find My AirPods ซึ่ง AirPods รุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) แต่มีราคาแพงกว่า รุ่นปกติมีราคา 4,990 บาท ในขณะที่รุ่นที่มี ANC มีราคา 6,490 บาท
ปลายปีนี้ Apple จะเปิดตัว AirPods Pro 2 ในรูปแบบเครื่องช่วยฟัง พร้อมฟีเจอร์เพื่อช่วยในการได้ยิน เช่น ฟีเจอร์ที่ช่วยปกป้องหูของคุณจากเสียงดัง และฟีเจอร์ที่ให้คุณทดสอบการได้ยินแบบ Clinical-grade hearing test โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะมาในซอฟต์แวร์อัปเดตฟรีในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ และจะพร้อมใช้งานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
Apple ได้อัปเดต AirPods Max (หูฟังแบบครอบหู) โดยตอนนี้มีสีใหม่และใช้พอร์ตชาร์จ USB-C แทนพอร์ต Lightning แบบเดิม
อ้างอิง: theverge
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด