Apple เล็ง อินเดีย เป็นเรือธงฐานการผลิตต่อไป เตรียมย้ายการผลิต iPhone 14 5% ทั่วโลก สู่อินเดียภายในสิ้นปีนี้ | Techsauce

Apple เล็ง อินเดีย เป็นเรือธงฐานการผลิตต่อไป เตรียมย้ายการผลิต iPhone 14 5% ทั่วโลก สู่อินเดียภายในสิ้นปีนี้

เป็นอีกครั้งที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก หลังจาก Apple ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกี่ยวกับกลยุทธ์การผลิต โดยจะทำการย้ายการผลิตผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iPhone 14 ที่เปิดตัวได้ไม่นานมาเริ่มผลิตที่อินเดีย โดยก่อนหน้านี้ที่ได้ประกาศย้ายฐานการผลิตภัณฑ์เช่น iPads และ Apple Watch ไปที่เวียดนาม พร้อมที่จะทำให้ทั้งสองประเทศเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญระดับโลก อ่านเพิ่มเติมที่ Apple เตรียมย้ายฐานการผลิต Apple Watch และ Macbook จากจีนสู่เวียดนาม

Apple เล็ง อินเดีย เป็นเรือธงฐานการผลิตต่อไป เตรียมย้ายการผลิต iPhone 14 5% ทั่วโลก สู่อินเดียภายในสิ้นปีนี้

Apple มีฐานการผลิตในอินเดียก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2017 พาร์ทเนอร์ของ Apple อย่าง Foxconn ซึ่งผลิตและประกอบ iPhone ในสัดส่วนใหญ่จากทั่วโลก เริ่มประกอบอุปกรณ์ในอินเดียประมาณ 6 ถึง 9 เดือนในเขตชานเมืองเจนไน หลังจากที่จีนมีปัญหาการล็อคดาวน์ในปักกิ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบที่ขัดขวางการผลิตในโรงงานทั่วประเทศสำหรับ Apple

Apple เริ่มประกอบ iPhone SE  ในอินเดียในปี 2017 ตามด้วยการประกอบชิ้นส่วน iPhone 12 และ iPhone 13 ในประเทศแถบเอเชียใต้ ในเดือนเมษายน Apple ยืนยันว่าได้เริ่มสร้าง iPhone 13 ในอินเดียแล้ว มากกว่าครึ่งปีหลังจากที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ แต่กระนั้น iPhones ส่วนใหญ่ยังคงผลิตในประเทศจีน ในเมืองจีนของ Zhengzhou และ Shenzhenโดย Foxconn ในเซี่ยงไฮ้โดย Pegatron และ Kunshan มณฑลเจียงซู โดย Luxshare Precision Industry Foxconn ยังคงเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุด 

นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ระบุ Apple จะย้ายการผลิต iPhone 4 ในทั่วโลก 5% ไปยังอินเดียภายในปลายปี 2022 นอกจากนี้ Apple ยังตั้งเป้าผลิต iPhone ให้ได้ถึง 25% ภายในปี 2025 ในอินเดียอีกด้วย 

การมุ่งเน้นที่การผลิตของ Appleในอินเดียแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการกระจายการผลิตออกจากจีน และเพิ่มฐานลูกค้าในอินเดียให้มากยิ่งขึ้น อินเดีย มีประชากร 1.4 พันล้านคน เป็นตลาดผู้บริโภคที่มีแนวโน้มดี และยังเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่เดิมทีอินเดียเป็นตลาดขนาดเล็กสำหรับ Apple โดย Apple มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 3.8% ในอินเดียเมื่อปีที่แล้ว แพ้ Samsung และ Xiaomi ของจีนยังคงครองตำแหน่งต่อไปตามลำดับ ตามรายงานของ Counterpoint Research 

อย่างไรก็ตาม Apple เป็นแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในกลุ่มสินค้าพรีเมียม ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่มีมูลค่ามากกว่า 45,000 รูปีอินเดีย (552 ดอลลาร์) ในไตรมาสที่สองของปีนี้ ทำให้ Apple มีโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในอินเดีย อินเดียเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศทั่วโลกที่เทรนด์พรีเมียมเพิ่งเริ่มต้น

การผลิตควบคู่กันหลายที่อาจเพิ่มความเร็วในการผลิต iPhone ผู้บริหารในอุตสาหกรรม กำลังสำรวจกลยุทธ์ที่เรียกว่า China-plus-one ในการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ เช่น อินเดียหรือเวียดนาม ควบคู่ไปกับจีน ซึ่ง อินเดีย เป็นอีกทางทางเลือกหนึ่งที่น่าดึงดูดใจสำหรับหลายประเทศ โดย อินเดียเป็นประเทศที่ค่อนข้างเปิดกว้างสำหรับการลงทุนของอุตสาหกรรมใหม่ และมองหาการส่งเสริมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับท้องถิ่นโดยมีนโยบายจูงใจทางการเงินสำหรับผู้ผลิตหลายประการ ภายใต้โครงการ Make in India ในการบริหารของรัฐบายโมดิอีกด้วย 


อ้างอิงข้อมูลจาก 

Apple begins making the iPhone 14 in India, marking a big shift in its manufacturing strategy

Apple’s New iPhone 14 to Show India Closing Tech Gap With China

Apple already building latest iPhone 14 in India



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...