Apple รายได้ตก 3 ไตรมาสติด ยอดขาย iPhone ตก ธุรกิจบริการยังเติบโตสดใส จีนและยุโรปเป็นเพียง 2 ภูมิภาคที่รายได้ดีขึ้น

Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ รายได้ตก 3 ไตรมาสติด ทั่วโลกรายได้หดหมดยกเว้นในยุโรปและจีน ยอดขายอุปกรณ์ยังตก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทำให้คนไม่จับจ่าย แต่ยังดีได้อานิสงส์ธุรกิจบริการช่วยไว้ 

Apple

กำไรลดลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส

หุ้นของ Apple ปรับตัวลงมากกว่า 2% ตอนปิดตลาดในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยรายได้ลดลงทั่วโลก ยกเว้นในจีน (จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน) และยุโรป 

Luca Maestri ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Apple กล่าวว่า ยอดขายของ Apple ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ทุบสถิติในเดือนมิถุนายนโดยส่วนใหญ่รายได้มาจากอุปกรณ์เสริม แม้ว่า Apple จะมีความพยายามลดการพึ่งพาจากจีนโดยหันไปสนใจประเทศในกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะ อินเดีย ท่ามกลางสงครามการค้าของจีนและสหรัฐ 

  • รายได้รวม : 81,800 ล้านดอลลาร์  ลดลง 1.4% 
  • รายได้จากยอดขาย iPhone 39,700 ล้านดอลลาร์ ลดลง 2.5% 
  • รายได้ในญี่ปุ่น 4,800 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 11.5% รายได้หดตัวที่สุดในภูมิภาคเอเชีย 
  • รายได้ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ไม่นับรวมจีนแผ่นดินใหญ่) 5,600 ล้านดอลลาร์ ลดลงที่ 8.5% 
  • รายได้ในสหรัฐอเมริกา 35,400 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5.6% 
  • รายได้ในทวีปยุโรป 20,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น  4.8% 

ส่วนแบ่งตลาดมือถือของ Apple ยังครองอันดับต้นๆ

Samsung และ Apple ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด 2 อันดับแรก ตามด้วย Xiaomi ซึ่งข้อมูลล่าสุดของไตรมาสที่ 2 ปี 2023 ส่วนแบ่งตลาดมือถือของ Samsung อยู่ที่ 21% และ Apple 17% ของตลาดมือถือทั้งโลก 

ตรงกันข้ามกับ Huawei ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชื่อดังจากประเทศจีนที่ถึงแม้ว่าจะเคยกินส่วนแบ่งตลาดถึง 20% เมื่อปีที่แล้ว แต่เนื่องจาก Huawei โดนแบนห้ามขายในสหรัฐฯและยังมีผลกระทบ จากสภาวะ เศรษฐกิจซบเซาจึงทำให้หลุดออกจากตำแหน่งผู้ถือครองส่วนแบ่งตลาดมือถือ 5 อันดับแรกของโลก

Apple เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ทั่วโลก โดยบริษัทจัดส่ง iPhone มากกว่า 225 ล้านเครื่องทั่วโลกในปี 2022 และมักจะทำยอดขายได้มากที่สุดในไตรมาสที่ 4 ของทุกปี 

รายได้จากบริการของ Apple เป็นปัจจัยสำคัญ 

แม้รายได้หลักของ Apple อย่าง iPhone จะทำกำไรไม่ได้ตามเป้าเท่าที่ควร แต่ Apple ยังคงมีรายได้อื่นๆจากบริการ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการ สมัครสมาชิกบริการต่างๆ ของ และค่าธรรมเนียมจาก App Store รวมไปถึง Apple Play 

ผลประกอบการในเดือนมิถุนายนปีนี้กำไรจากบริการเพิ่มขึ้นกว่า 8% คิดเป็นเป็น 21,210 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.5% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ และบริษัทคาดว่ารายได้จากบริกาจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสหน้า 

  1. รายได้ในส่วนภาคบริการของ Apple ประกอบไปด้วย 
  2. รายได้จากโฆษณาบน Apple News และใน App Store 
  3. Apple Care ประกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ Apple 
  4. รายได้จากค่าบริการ Cloud 
  5. Digital Content เช่น Apple Music, Apple TV+
  6. รายได้จากค่าธรรมเนียมในบริการชำระเงิน เช่น Apple Pay และ Apple Card 

Apple กล่าวว่ามีลูกค้าแบบสมาชิกเป็นจำนวน 1 พันล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในสามปี และมีลูกค้าแบบสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 150 ล้านคนในปีที่แล้ว นอกจากนี้ลูกค้าแบบสมาชิกใน Apple TV+ ก็เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากรายการ Major League Soccer บน Apple TV+ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการย้ายสโมสรฟุตบอลของ Lionel Messi 

นอกจากนี้รายได้ที่มาจากการเก็บค่าคอมมิชชันที่เรียกกันว่า Apple Tax จากการซื้อภายในแอป (In-app purchases) ในอัตรา 30% ที่มาจากการอัปเกรดระดับสมาชิก การซื้อของในเกม การ Subscribe เป็นต้น ซึ่ง Apple กำหนดให้นักพัฒนาแอปต้องใช้ระบบจ่ายเงินภายในแอปนี้เท่านั้น 

แต่ก็มีการยกเว้นให้บางกรณี เช่น แอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดฟรี และสำหรับการสมัครบอกรับสมาชิก ภายในแอป หรือ Subscription จะถูกเรียกเก็บภาษี 30% ในปีแรก แต่ในปีต่อๆ ไปจะเหลือเพียง 15% นอกจากนั้นภาษีนี้จะเรียกเก็บเฉพาะกับบริการทางดิจิทัล ซึ่งไม่รวมกับสินค้าที่จับต้องได้ เช่น การสั่งอาหาร การเรียกรถผ่านแอป

ที่มา : Nikkei, Statista, Canalys, CNBC

Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...