แม้ว่าตอนนี้ Apple ตามหลังบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Microsoft Google หรือ Meta อยู่หลายก้าวด้านการวิจัยและพัฒนา AI แต่อาจฟันกำไรมหาศาลจากมันด้วยการเป็นเจ้าของตลาดแอปอย่าง App Store
รายได้ที่ Apple อาจได้มาแบบฟรีๆ ก็คือการเก็บค่าคอมมิชชัน (เรียกกันเล่นๆว่า Apple Tax) จากการซื้อภายในแอป (In-app purchases) ในอัตรา 30% ที่มาจากการอัปเกรดระดับสมาชิก การซื้อของในเกม การ Subscribe เป็นต้น ซึ่ง Apple กำหนดให้นักพัฒนาแอปต้องใช้ระบบจ่ายเงินภายในแอปนี้เท่านั้น
แต่ก็มีการยกเว้นให้บางกรณี เช่น แอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดฟรี และสำหรับการสมัครบอกรับสมาชิกภายในแอป หรือ Subscription จะถูกเรียกเก็บภาษี 30% ในปีแรก ส่วนในปีต่อๆ ไปจะเหลือ 15% นอกจากนั้นภาษีนี้จะเรียกเก็บเฉพาะกับบริการทางดิจิทัล ซึ่งไม่รวมกับสินค้าที่จับต้องได้ เช่น การสั่งอาหาร การเรียกรถผ่านแอป
ล่าสุดเมื่อ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI เรือธงของบริษัทในรูปแบบแอปพลิเคชันบนระบบ iOS และได้ขึ้นแท่นเป็นแอปฯฟรียอดฮิตอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็ว และ App Store ยังโปรโมตให้อยู่ในหมวด Essentials หรือแอปฯที่จำเป็นด้วย
ผู้ใช้งานที่ต้องการอัปเกรดบัญชีตัวเองเป็นแบบพรีเมียม จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 20 ดอลลาร์ต่อเดือน และ OpenAI ไม่ได้ redirect ผู้ใช้งานไปหาเว็บไซต์ของพวกเขา แต่เป็นการซื้อเพิ่มภายในแอปทำให้ Apple ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มสามารถเก็บภาษีจากส่วนนี้ได้ 30 %
หากเราตั้งตุ๊กตาตัวเลขขึ้นมาว่า มีผู้สมัคร ChatGPT Plus 5 ล้านคนบนระบบ iOS เท่ากับรายได้ของ OpenAI 1,200 ล้านดอลลาร์ แต่ Apple ที่ไม่ต้องทำอะไรเลยจะได้เก็บเงินจากส่วนนี้ 30 % คิดเป็น 360 ล้านดอลลาร์
App Store เป็นบ่อกำไรที่สร้างรายได้ให้กับ Apple มหาศาล โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ธุรกิจด้านบริการของ Apple ซึ่งรวมถึงตลาดแอปเป็นหน่วยธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท เนื่องจากยอดขาย iPhone ชะลอตัวลง
ไตรมาสล่าสุดรายรับจากธุรกิจบริการสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่ทำกำไรได้สูงสุดและอย่างต่อเนื่อง
การเรียกเก็บค่าคอมมิชชัน 30% เป็นตัวเลขที่สูง และมีหลายบริษัทพยายามจะหลีกเลี่ยง ยกตัวอย่างเช่น Epic Games ผู้พัฒนาเกม Fortnite ที่พยายามหลบเลี่ยงด้วยการอัปเดตฟีเจอร์ในเกมทั้งในระบบ iOS และ Android ให้สามารถชำระเงินกับทางบริษัทได้โดยตรงด้วยสกุลเงินในแอป พร้อมส่วนลด ทำให้ Apple ถอดเกมนี้ออกจาก App Store เนื่องจากละเมิดกฎ เช่นเดียวกับทาง Google Play Store
ซึ่งล่าสุด Apple เป็นผู้ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ โดยศาลไม่ได้มองว่า Apple กำลังผูกขาดตลาด แต่ก็ระบุว่า Apple กำลังละเมิดกฎหมายการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยการบังคับให้นักพัฒนาแอปห้ามนำลูกค้าไปใช้ช่องทางชำระเงินนอก App Store
เพื่อความเป็นธรรมกับ Apple เราคงต้องย้ำว่า Google Play Store เองก็มีระบบการเรียกเก็บค่าคอมมิชชันจากสินค้าและบริการดิจิทัลในอัตราเดียวกัน (30%) สำหรับการซื้อภายในแอป เช่นเดียวกับแพลตฟอร์ม Playstation ของ Sony และ Xbox ของ Microsoft ก็มีระบบนี้เช่นเดียวกัน
อ้างอิง : Business Insider , Apple Insider (1) , Apple Insider (2)
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด