สรุปทุกประเด็นงาน WWDC 2023 ปีนี้ Apple มีอะไรใหม่บ้าง | Techsauce

สรุปทุกประเด็นงาน WWDC 2023 ปีนี้ Apple มีอะไรใหม่บ้าง

เจาะทุกผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ใหม่จาก Apple ในงาน WWDC 2023 ปีนี้มีอะไรใหม่ๆ มาให้ผู้ใช้งานอย่างเราตื่นเต้นบ้าง Techsauce จะพาไปดู

MacBook Air 15 นิ้ว

  • Macbook Air ขนาด 15 นิ้ว มาพร้อมกับชิป  M2 
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ 18 ชั่วโมง เป็น Silent design ไม่มีพัดลม ไม่มีเสียง
  • ระบบเสียง 6 ลำโพงแบบใหม่หมด รองรับ immersive spatial audio
  • กล้อง Facetime HD ความละเอียด 1080p
  • ตัวเครื่องมีความบางอยู่ที่ 11.5 ม. เป็นแล็ปท็อปรุ่น 15 นิ้ว ที่บางที่สุดในโลก
  • มีสีให้เลือก 4 สี : Midnight, Space Gray, Silver, Starlight
  • ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท 

Mac Studio และ Mac Pro  

Mac Studio 

  • มาพร้อมชิป M2 Max และ M2 Ultra 
  • Mac Studio พร้อมชิป M2 Ultra สามารถต่อจอ Pro Display XDR ได้ 6 ตัวพร้อมกัน
  • ราคาเริ่มต้น 74,900 บาท

Mac Pro

  • มาพร้อมกับชิป M2 Ultra (เร็วกว่ารุ่นเก่าที่ใช้ชิป Intel ถึง 3 เท่า)
  • ราคาเริ่มต้น 249,900 บาท

ชิป M2 Max และ M2 Ultra 

ชิปทั้งสองตัวมาพร้อมกับสถาปัตยกรรมแบบ System on Chip (SoC) ที่รวมทั้ง CPU, GPU, I/O, Neural Engine และอีกหลายอย่างเข้าด้วยกัน ทำให้ทำงานเร็วกว่า ประหยัดพลังงานกว่า และเย็นกว่าเมื่อต้องทำงานหนัก

ชิป M2 Max 

  • หน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 96 GB 
  • แบนด์วิดท์หน่วยความจำ 400 GB/s 
  • CPU แบบ 12 core 
  • GPU สูงสุดแบบ 38-core 
  • Neural Engine แบบ 16-core

ชิป M2 Ultra

  • หน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 192 GB 
  • แบนด์วิดท์หน่วยความจำ 800 GB/s 
  • CPU แบบ 24 core 
  • GPU สูงสุดแบบ 76-core 
  • Neural Engine แบบ  32-core 

สำหรับ M2 Ultra  สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี 5 นาโนเมตรและมีทรานซิสเตอร์ 134 พันล้านตัว และจะมีแกน CPU 24 คอร์, GPU สูงสุด 76 core (มีตัวเลือก 60 core ด้วย) และ Neural Engine 32 core CPU ประกอบด้วย 16 core ที่มีประสิทธิภาพสูงในรุ่นถัดไป และ 8 core ที่มีประสิทธิภาพสูง

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญประการหนึ่งคือ M2 Ultra รองรับหน่วยความจำรวมสูงสุดถึง 192 GB สำรองด้วย Bandwidth หน่วยความจำ 800 GB

เปิดตัว iOS 17 พร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบ 

iOS 17 ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน WWDC 2023 ซึ่งใน iOS 17 มีการเพิ่มฟีเจอร์ในกลุ่ม โทรศัพท์, ข้อความ, Face Time รวมไปถึงฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น 

  • Contact Posters ปรับแต่งหน้าจอล็อกสกรีน ให้ขึ้นรูปภาพคนที่เราโทรหา ปรับได้ตั้งแต่สี อิโมจิ และฟอนต์ต่าง ๆ 
  • Live Voicemail ระบบบันทึกเสียงระหว่างการสนทนาและแปลงบทสนทนาออกมาเป็นข้อความแบบ Real time

FaceTime

  • เพิ่มฟีเจอร์ทิ้งข้อความเป็นวิดีโอให้มาดูย้อนหลัง เมื่อปลายสายไม่สะดวกรับสาย

Message 

Check In: ฟีเจอร์ใหม่ แจ้งให้เพื่อนหรือครอบครัวรู้ว่าเราถึงที่หมายอย่างปลอดภัย 

  • เพิ่ม Search Filter 
  • Audio Transcript แปลงเสียงที่ส่งมาในข้อความเป็นตัวหนังสือได้ทันที
  • iMassage เพิ่มปุ่ม Button และ Sticker สามารถลากไปใส่ที่ข้อความได้อย่างอิสระ รวมถึงการแสดงอารมณ์ต่อข้อความ คล้ายกับกดอิโมจิที่ข้อความใน Instagram
  • Live Sticker เอารูปถ่ายหรือวิดีโอมาทำสติกเกอร์ได้

Airdrop

  • เพิ่มฟีเจอร์ NameDrop เพื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัวไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล คล้ายการแลกนามบัตรผ่าน Airdrop ใช้กับ Apple Watch ได้ด้วย 

ฟีเจอร์อื่นๆเพิ่มเติม 

  • อัปเดตฟีเจอร์ Autocorrect ให้สามารถแก้คำผิดได้ดีและง่ายขึ้นเวลาพิมพ์
  • เปลี่ยนเสียงพูดเป็นข้อความได้ดีขึ้น
  • Journal บันทึกประจำวัน สำหรับจดบันทึกสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน และปรับตามกิจกรรมในชีวิตเรา สามารถเพิ่มรูป หรือ เพลงที่ฟังลงไปในแอปได้ เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวพกพาได้ 
  • StandBy หน้าจอแบบแนวนอน โหมด StandBy ปรับหน้าจอเป็นแบบนอนได้ขณะชาร์จกับ Magsafe ซึ่งเปลี่ยนหน้าจอเป็น Smart Display แสดงผลเป็นนาฬิกาหรือกรอบรูปดิจิทัลก็ได้ และรองรับ Siri
  • แอป Map สามารถดาวน์โหลดแผนที่แบบออฟไลน์ได้แล้ว และยังมีฟีเจอร์ Check in ที่สามารถคาดการณ์เวลาที่เพื่อนหรือพ่อแม่ของเราจะมาถึง
  • Safari สามารถสร้าง Profile เหมือนกับ Profile ใน Netflix มีความเหมือน Google Chrome มากขึ้น
  • Mental Health ประเมินสุขภาพจิตของเราผ่านกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เช่น ออกกำลังกาย เดิน วิ่ง และอื่น ๆ
  • เพิ่ม Pet albums สำหรับเก็บรูปสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
  • ไม่ต้องพูดว่า Hey Siri อีกต่อไป สามารถพูด Siri คำเดียวได้เลย

สำหรับ iOS 17 iPhone รุ่นดังต่อไปนี้จะไม่สามารถอัปเดตใช้ได้กับ iPhone 8, iPhone 8 Plus , iPhoneX 

iPadOS

สำหรับ iPadOS จะเน้นไปที่การอัปเดต Widget ต่าง ๆ และการใส่ข้อความลงในไฟล์ประเภท PDF แต่หลัก ๆ จะมี 

  • เพิ่ม Widget ใน iPad 
  • หน้าล็อก Screen ที่สามารถปรับแต่งได้แบบ iPhone 
  • Live activities แท็คกิจกรรมที่จะทำในแต่ละวันได้ 
  • เพิ่ม Health Kit 
  • เพิ่มฟีเจอร์พิมพ์ข้อความลงไฟล์ PDF ได้ โดยมี Machine Learning แบ่งช่องข้อความให้ และเชื่อมกับ Notes ทำให้สามารถเข้าถึงไฟล์ PDF หลายไฟล์พร้อมกัน รวมถึงแก้ไขเอกสารร่วมกับคนอื่น ๆ ได้

MacOS

MacOS SONOMA

  • เพิ่ม New screen แบบวิดีโอสโลโมชั่น 
  • เพิ่ม Widgets  สามารถเลื่อนตำแหน่ง Widgets ได้ในหน้าจอ

Gaming 

  • Meta 3
  • นำเกมนอก Platform เข้ามาได้ 
  • จะมีเกม Death Stranding ของ Hideo Kojima ลงบน MacOS

Video conference

  • ปรับขนาด Screen และ พื้นหลัง หรือ สไลด์ได้
  • เพิ่มเอฟเฟ็กต์และฟิลเตอร์

Webkit

  • เพิ่ม Passkey สำหรับ Developer

AirPods

  • มีโหมด Adaptive audio ปรับระดับเสียง และตัดเสียงรบกวนได้ตามต้องการ
  • เวลามีสายเข้าจะมีการตัดเสียงรบกวนออก 

AirPlay + TvOS

  • AirPlay in hotel สามารถเชื่อมต่อทีวีของโรงแรมผ่านการสแกน QR code เพิ่มความปลอดภัยให้กับมือถือของเรา 
  • เชื่อม Screen กับ TV 
  • เชื่อม Face Time กับทีวีผ่าน iPhone 
  • เปิดวิดีโอหรือหนังให้คนที่เราโทรคุย Facetime ดูด้วยกันได้ 

Apple Watch

  • WatchOS 10 
  • ปรับทุกอย่างได้ผ่านหน้าปัดนาฬิกาได้ 
  • เลื่อนดู Time Zone ผ่านปุ่ม Digital Crown
  • Live Activities เชื่อมกับ iPhone แบบ Real Time 
  • Hiking มี Map ที่ดูง่ายขึ้น
  • Mental Health มีระบบบันทึกกิจกรรมในแต่ละวันแล้วมาประมวลผลสุขภาพจิตของเรา
  • เพิ่มฟีเจอร์ NameDrop เพื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัวไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ หรืออีเมล คล้ายการแลกนามบัตรผ่าน Airdrop

Apple Vision Pro 

ไฮไลต์สำคัญของงาน WWDC ในปีนี้คือการประกาศเปิดตัว Apple Vision Pro ถือเป็นการประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นสำคัญของบริษัทครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 และถือเป็น Spatial Computer หรือเครื่องมือที่รวม User Interface (ตัวกลางที่เชื่อมโยงผู้ใช้งานกับโปรแกรม) เข้ากับสภาพแวดล้อมทางกายภาพ

Vision Pro เป็นชุด AR Headset ลักษณะเหมือนแว่นขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้สามารถสวมใส่และรับประสบการณผสมผสานระหว่างโลกดิจิทัลและโลกจริงได้

ไม่ว่าจะใช้แอปพลิเคชันทั่วไป เล่นเกม ดูหนังแบบ 3 มิติ พร้อมระบบเสียงแบบรอบทิศทาง นอกจากนั้นยังสามารถใช้กับการทำงานได้ด้วย เช่น การประชุม, โปรแกรม Microsoft Office, Adobe Lightroom โดยคาดว่าในอนาคต Apple จะทำงานร่วมกับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ ให้รองรับการใช้งานชุด AR Headset นี้ได้ครอบคลุมมากขึ้น 

ราคาเปิดตัวของเจ้า Apple Vision Pro นี้จะอยู่ที่ 3,499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 120,000 บาท 

 ฟีเจอร์ของ Apple Vision Pro 

  • ตัวเลนส์แว่น Apple ร่วมมือกับ Zeiss เราสามารถตัดใช้เลนส์สายตาได้ด้วย 
  • ใช้ระบบ VisionOS ที่เชื่อมทั้ง iOS, iPadOS และ MacOS 
  • จอแว่นเป็นแบบ Micro-OLED 64 ล้าน Pixel 
  • ใช้งานชิป Silicon M2 และ R1 ควบคู่กัน 
  • มี Bluetooth ที่เชื่อมของในผลิตภัณฑ์ Mac ได้ ไม่ว่าจะเป็น Mac หรือ Mac keyboard 
  • เสียงของตัวแว่นมาพร้อมกับ Spatial audio 
  • การสแกนใบหน้าต่าง ๆ จะมาในโหมด Optic ID เหมือน Face ID แต่อันนี้คือการสแกนม่านตาของเราโดยตรง 
  • รองรับบริการสตรีมมิ่งของ Walt Disney ที่รวมไปถึงเกมและงานบันเทิงอื่นๆจะอยู่บน Apple Vision Pro ด้วย 

อ้างอิง: youtube

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

10 Tech Event ในเอเชีย ที่สายเทคฯ ธุรกิจ ไม่ควรพลาด ปี 2024

เพราะเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง องค์กรจึงต้องหมั่นอัปเดตเทรนด์ความรู้ใหม่ ๆ วันนี้ Techsauce คัดสรร 10 งานประชุมเทคโนโลยีระดับเอเชีย ที่สายเทคไม่ควรพลาดในปี 2024 รวมไว้ในบทความเดียวก...

Responsive image

SCBX ไตรมาส 1 ปี 67 กำไร 11,281 ล้านบาท เตรียมลุย 'Virtual Bank' พร้อมก้าวสู่องค์กร AI-First Organization

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2567 จำนวน 11,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน...

Responsive image

เปิดตัว Meta AI ใหม่ ถามได้ทุกเรื่อง สร้างภาพได้ทุกอย่าง ใช้ได้ทุกแอปฯ​ โซเชียลของ Meta

สำหรับ Meta AI เป็นแชทบอทที่เคยเปิดตัวให้เห็นครั้งแรกในงาน Connect 2023 ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Llama 2 แต่ล่าสุดได้มีการอัปเกรดไปใช้โมเดลภาษาใหม่ Llama 3...