ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังสั่นคลอน หลายบริษัทเทคในภูมิภาคอย่าง Grab, GoTo และ Sea กำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อผลกำไร ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความท้าทายทางเศรษฐกิจ ที่ถึงแม้จะตัดส่วนเกินออกไปก็คงยังไม่เพียงพอต่อความเชื่อใจของนักลงทุน
หุ้นของ Grab Holdings ของสิงคโปร์และ GoTo ของอินโดนีเซียลดลง 2% และเกือบ 40% ในปีนี้ตามลำดับ แม้ว่าจะมีการสูญเสียที่น้อยลงในผลประกอบการเดือนเมษายน - มิถุนายน ในขณะเดียวกัน Sea มีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีนี้ แต่ยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 กว่า 75% สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลายของนักลงทุนต่ออนาคตของแต่ละบริษัท
นักลงทุนต่างกังขาเกี่ยวกับบริษัทเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องมาจากการตกต่ำของเงินทุนโดยรวมในภูมิภาค สตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เนื่องจากการระดมทุนของเงินร่วมลงทุนโดยรวมลดลงอย่างรวดเร็ว
Ranjan Sharma ซึ่งดูแลการวิจัยหุ้นเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ JPMorgan กล่าวว่า "นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับบริษัทที่สามารถขยายตลาดเป้าหมายได้อย่างมีกำไร และบริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนของพวกเขา และการอ้างว่าจะเติบโตอย่างมีกำไร และโอกาสทางการตลาด”
Sea บริษัทเทคโนโลยีที่มีจุดแข็งด้านการแข่งขันในด้านเกมออนไลน์และการช้อปปิ้งออนไลน์ ถูกมองว่ามีแนวโน้มที่เชื่อได้ว่าจะสามารถสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับว่ามีรูปแบบธุรกิจที่แข็งแกร่งและสามารถปรับตัวได้ดีกว่าแม้จะมีความท้าทาย จากรายงานพบว่า Sea มีกำไรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2022 โดยแพลตฟอร์ม Shopee เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต
Grab และ GoTo แม้จะสามารถลดการขาดทุนลงได้ แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน ทั้งสองบริษัทดำเนินธุรกิจในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และต้องเผชิญกับแรงกดดันในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ถึงแม้ Grab จะมีการขาดทุนจากการดำเนินงานลดลง 68% ในไตรมาสที่ 2 แต่ไม่ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสร้างผลกำไร ในส่วนของ GoTo ที่การขาดทุนลง 42% เช่นกัน แต่บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่าทั้งสองบริษัทจำเป็นต้องปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันและการทำงานร่วมกันในทุกบริการ
รายงานของ DealStreetAsia ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้แสดงให้เห็นว่า มูลค่ารวมของการระดมทุนในสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดลง 36% เมื่อเทียบเป็นรายปีเหลือ 2.29 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 7.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่าห้าปี
บริษัทวิเคราะห์ GlobalData เน้นย้ำว่าในเอเชียแปซิฟิก ข้อตกลงเงินร่วมลงทุนที่มีการเปิดเผยรอบการระดมทุนลดลง 16.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงครึ่งแรก ซึ่งสะท้อนถึงภาวะตกต่ำของ ASEAN
"ความท้าทายด้านเศรษฐกิจมหภาคและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ดูเหมือนจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน" Aurojyoti Bose นักวิเคราะห์หลักของ GlobalData กล่าวในบันทึกประจำเดือนนี้ โดยชี้ให้เห็นว่า "รอบการระดมทุนส่วนใหญ่ที่ประกาศในภูมิภาคมีปริมาณลดลง"
Techsauce ได้รวบรวมข้อมูลการลงทุนใน Startup ไทย (ซึ่งอยู่ในช่วงการรวบรวมข้อมูลล่าสุด) โดยเบื้องต้นมีตัวเลขที่เห็นอย่างชัดเจนว่า ปริมาณการระดมทุนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนลดลง ซึ่งแพลตฟอร์ม Superapp ในไทยก็ได้มีการปิดบางบริการลงด้วย เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ท้าทายของบริษัทเทคโนโลยี และ Startup ในภูมิภาคนี้
อ่านต่อ: asia.nikkei
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด