บ้านปู เผย รายได้จากการขายรวม 4,124 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 131,861 ล้านบาท) EBITDA 1,778 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 56,846 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 216 และมีกำไรสุทธิ 304 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,719 ล้านบาท) พลิกกำไรจากปีก่อนหน้าร้อยละ 643
รวมทั้งเพิ่มอัตราเร่งในการเดินหน้ากลยุทธ์ Greener & Smarter สู่เป้าหมายสร้าง “พลังงานที่ดีขึ้นเพื่ออนาคต”ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมล้ำสมัยมาประยุกต์ใช้เพื่อขยายธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน รองรับเทรนด์แห่งโลกอนาคต
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เผยผลการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง มีรายได้จากการขายรวม 4,124 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 131,861 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,841 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 58,870 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 81 โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 1,778 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 56,846 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 216 จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 304 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,719 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 643
อันเป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาพลังงานทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการใช้พลังงาน ทั้งก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ตลอดจนแหล่งรายได้ใหม่ ๆ จากการเร่งขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นในประเทศยุทธศาสตร์สำคัญต่าง ๆ อย่างก้าวกระโดด ในปีนี้ บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าธุรกิจ โดยเพิ่มอัตราเร่งเปลี่ยนผ่านธุรกิจ (Banpu Transformation) ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนด้านพลังงาน เสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่งเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง
ทั้งราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสูงสุด (จุดพีค) ที่ 400 ดอลลาร์ต่อตัน และราคาก๊าซธรรมชาติปรับขึ้นทะลุ 5 ดอลลาร์ต่อล้าน BTU ปัจจัยหนุนมาจากรณีรัสเซีย-ยูเครน โดยระยะสั้นคาดว่าราคาจะยังทรงตัวสูง แม้เชื่อว่าระยะยาวราคาจะปรับลงมาอยู่ในระดับสมเหตุสมผลอีกครั้ง แต่จะต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
คุณสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจพลังงานโดยรวมในปี 2564 สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งความต้องการด้านพลังงานโลกเป็นไปในทิศทางเดียวกัน บ้านปูสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น การปรับกลยุทธ์เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็วทันต่อความเปลี่ยนแปลง และยังเป็นปีที่เราประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดในการเดินหน้าขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้น
ด้วยการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ด้านพลังงาน ในประเทศยุทธศาสตร์สำคัญของเราอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ขณะเดียวกัน ด้วยความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ บริษัทฯ ก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนและหุ้นกู้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งทางการเงินมากยิ่งขึ้น
พร้อมเสริมอัตราเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่าน (Banpu Transformation) ที่รวดเร็วขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีความเข้มข้นในด้านการพัฒนาความยั่งยืน ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social and Governance: ESG) อย่างเป็นทางการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน ESG ให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิผลสูงสุด” สำหรับปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการยอมรับและรางวัลด้านความยั่งยืนจากสถาบันระดับประเทศและระดับโลกมากมาย
สำหรับทิศทางปี 2565 ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และบ้านปูยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานที่สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานในอนาคตได้รวดเร็วและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ทางด้านธุรกิจเหมือง จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการการต้นทุนเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุด ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจแร่แห่งอนาคต (Strategic Minerals) เพื่อต่อยอดการเติบโตของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน
สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ให้ความสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นในการใช้งบลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสดสูงสุด เมื่อสถานการณ์ราคาก๊าซเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในธุรกิจกลางน้ำและธุรกิจผลิตพลังงานที่สามารถส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจต้นน้ำที่มีอยู่ ทั้งนี้กระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากกลุ่มธรุกิจแหล่งพลังงานจะถูกนำไปต่อยอดสร้างการเติบโตของธุรกิจพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชาญฉลาดขึ้น
กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้า รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) สำหรับในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จะมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดจากโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว รวมทั้งให้ความสำคัญกับโครงการโรงไฟฟ้าให้สามารถเปิดดำเนินการได้ตรงตามระยะเวลากำหนด ในขณะเดียวกันก็จะขยายการลงทุนไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง รวมไปถึงภูมิภาคกลยุทธ์ที่บ้านปูมีธุรกิจอยู่ เช่น ในสหรัฐอเมริกา และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน มุ่งสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Scale Up) ให้พอร์ตฟอลิโอเทคโนโลยีพลังงาน โดยขยายขอบเขตการให้บริการด้านพลังงานที่มีอยู่ ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่ การจัดการพลังงานและของเสีย (Energy and Waste Management) ควบคู่กับการเข้าลงทุนและพัฒนาบริการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานรูปแบบใหม่ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างศักยภาพทางธุรกิจ และรวมทั้งสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลในการสร้างพลังร่วมระหว่างธุรกิจเดิมกับธุรกิจใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานในอนาคต
“ทิศทางต่อจากนี้ บ้านปูยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านองค์กร (Banpu Transformation) ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter และการยึดมั่นในหลัก ESG เรามั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์และการเรียนรู้จากช่วงเวลาแห่งความท้าทายตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้บ้านปูสามารถเพิ่มอัตราเร่งกระบวนการ Digital Transformation ซึ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตฟอลิโอพลังงานที่สะอาดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อการบรรลุเป้าหมาย EBITDA จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดและธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานขึ้นมากกว่า 50% และเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้า 6,100 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568” คุณสมฤดี กล่าว
ทั้งนี้บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ดำเนิน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 10,946 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 1,569 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด