เป็นที่ทราบกันดีว่าบ้านปู (Banpu) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน โดยดำเนินธุรกิจถ่านหิน ธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานที่เกี่ยวเนื่องใน 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม อย่างไรก็ตามในยุคที่เทคโนโลยีไหลบ่าเข้ามา องค์กรขนาดใหญ่ย่อมอยู่เฉยไม่ได้ เราลองมาดูว่าบ้านปูมีการปรับแผนหรือกลยุทธ์อย่างไรในยุคแห่ง Disruption นี้
รายละเอียดบ้านปูในมีการเปิดเผยตัวเลขและคำแถลงการของผู้บริหาร
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้ที่โดดเด่นเนื่องจากราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่า ความต้องการถ่านหินจะยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 โดยเฉพาะประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท PT Indo Tambangraya Megah Tbk. (ITM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูฯ ได้ซื้อเหมืองแห่งใหม่ที่เกาะกาลิมันตันตอนกลางในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อตอบรับกับความต้องการถ่านหินที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าน่าจะเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินให้กับบริษัทฯ ได้ราว 77 ล้านตัน นอกจากนี้ บ้านปู เพาเวอร์ฯ อีกหนึ่งบริษัทย่อยของบ้านปูฯ เดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนด้วยการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ที่จังหวัดซอกจัง (Soc Trang) คาดว่าโครงการระยะที่ 1 จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2563 นับเป็นการเดินหน้าตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง”
นางสมฤดี กล่าวว่า “วันนี้ บ้านปูฯ ก้าวสู่การเป็น'บริษัทพลังงานแบบครบวงจร'อย่างแท้จริงใน 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่
เราพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่เน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีความชาญฉลาดยิ่งขึ้น ควบคู่กับพลังขององค์กรที่พร้อมจะสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของผู้บริโภค ชุมชนและสังคม ได้อย่างยั่งยืนตามพันธสัญญาของแบรนด์ใหม่ Our Way in Energy: พลังบ้านปูฯ สู่พลังงานที่ยั่งยืน”นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย
ในงานแถลงผลประกอบการทางผู้บริหารยังมีการให้รายละเอียดถึงผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Sola Rooftop Solution ภายใต้การบริหารของบริษัท Banpu Infinergy มุ่งสู่การเป็น Smart Grid (ระบบโครงข่ายสำหรับส่งไฟฟ้าอัจฉริยะแบบครบวงจรโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล) โดยในช่วงแรกคงยังไม่ได้สร้างผลกำไรในทันที แต่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่บ้านปูพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต ปัจจุบันบริษัทได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจจัดเก็บพลังงานของสิงคโปร์ คือบริษัทนิว รีซอสเซส เทคโนโลยี จำกัด หรือ New Resources Technology Pte. Ltd. (NRT) ในการเตรียมขยายสู่ธุรกิจจัดเก็บพลังงานในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด