เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน Bill Gates เคยกล่าวบนเวที TED ถึงการเกิดของโรคระบาด และการตอบสนองต่อโรคระบาดของชาวอเมริกัน ที่จะเต็มไปด้วยความโกลาหล แน่นอนว่าเขาไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ว่า มันจะเกิดขึ้นจริงๆ แต่ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก นี่จึงเป็นเหตุสมควร ที่พวกเราจะรับฟังความคิดเห็นนี้

Bill Gates ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทั้ง 7 ข้อนี้ ในรายการวิทยุ podcast ของเขาเอง ใต้ชื่อว่า “Bill Gates and Rashida Jones Ask Big Questions” ซึ่งในรายการมิได้มีเพียงแค่บทสนทนาของผู้จัดรายการทั้งสองท่านเท่านั้น Bill Gates ยังได้มีการพูดคุยกับ นายแพทย์ Anthony Fauci เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ ถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการสร้างวัคซีน และชีวิตในช่วงเวลาหลังสภาวะโควิด-19 อีกด้วย

1. การประชุมผ่านอินเตอร์เน็ต จะยังคงอยู่ และอาจจะทดแทนการประชุมต่อหน้า

หนึ่งในมาตราการป้องกันโรคระบาด มีการกล่าวถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม การประชุมทางออนไลน์ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้ากล่าวถึงในช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด การประชุมทางออนไลน์ อาจจะฟังดูไม่จริงจัง และยุ่งยากในสายตาของหลายๆคน ซึ่ง Bill Gates ยังได้เสริมอีกว่า สถานการณ์ที่บีบบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างเช่นในยุคสงคราม ที่ต้องมีการเกณฑ์ผู้หญิงมาร่วมทำงานต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็ยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ 

2. การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของซอฟท์แวร์

การประชุมทางออนไลน์ ต้องมีการใช้อุปกรณ์และซอฟท์แวร์ต่างๆ Bill Gates ได้กล่าวถึงการพัฒนาด้านซอฟท์แวร์เพื่อการสื่อสาร ที่จะมีศักยภาพดีขึ้น และสามารถพัฒนาได้เร็วขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการในการใช้งานที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

3. การหมุนเวียนในการใช้พื้นที่ร่วมกัน ระหว่างหลายๆบริษัท

เพราะมาตราการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้หลายๆบริษัทได้ประกาศให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน สถานที่ทำงานอาจจะมีความจำเป็นน้อยลง Bill Gates ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า มันมีความเป็นไปได้ ที่บริษัทต่างๆ จะทำการหมุนเวียนพื้นที่สำนักงานในวันที่พวกเขาไม่มีพนักงานเข้ามาก็ได้

4. การเลือกที่อยู่อาศัยจะเปลี่ยนไป

เพราะการทำงานนั้น ไม่ได้มีการผูกมัดกับโต๊ะในสำนักงานอีกต่อไป ผู้คนจึงมีทางเลือกกับการทำงานจากต่างพื้นที่ การกระจุกตัวในสังคมเมืองนั้นจะลดน้อยลง และผู้คนจะเริ่มมีความสนใจในการตกแต่งที่พักของตัวเองมากขึ้น 

Bill Gates ได้กล่าวถึง ค่าเช่าที่พักในหัวเมืองที่มักจะมีราคาสูงลิ่ว ว่าที่พักเหล่านี้ อาจจะได้รับความนิยมน้อยลง ผู้คนจะให้ความสนใจกับที่พักนอกเมือง ที่มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และสภาวะการจราจรที่คล่องตัวขึ้นมากกว่า

5. การเข้าสังคมในที่ทำงานจะน้อยลง แต่จะเข้ากับสังคมรอบตัวมากขึ้น

เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ที่มีความต้องการด้านความสัมพันธ์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสถานที่ทำงาน ที่ทุกคนมักจะมีความสัมพันธ์ร่วมกัน แต่เป็นเพราะผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทำให้การทำงานนั้นเปลี่ยนไป สู่การ Work from home ซึ่งส่งผลให้การพบปะกับเพื่อนร่วมงานนั้นน้อยลง เราจึงต้องค้นหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ตัวมากขึ้น อาทิเช่น การพูดคุยกับเพื่อนบ้าน หรือการนัดพบกับเพื่อนในวัยเรียน เป็นต้น

6. โลกจะไม่กลับไปเหมือนสภาวะปกติไปอีกนาน

นายแพทย์ Anthony Fauci ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ กับการที่โลกจะกลับมาเหมือนในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดว่า การจะกลับมาเป็นปกตินั้น ต้องกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปให้หมดสิ้น ไม่ใช่แค่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เชื้อต้องหมดไปจากโลกนี้ 

เนื่องมาจากความสามารถในการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 และเพื่อการป้องกันการระบาดระลอกที่สอง มาตราการป้องกันการแพร่กระจายต้องมีความแน่นหนามากขึ้น ด้วยความคุ้นชินของประชาชนกับมาตราการป้องกันโรคต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน การกลับสู่สภาวะปกติอาจจะไม่ได้อยู่ไกลกว่าที่คิด

7. โรคระบาดครั้งหน้า จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่าโควิด-19

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนอย่างมหาศาล แต่ด้วยการรับมือและมาตราการรัดกุมต่างๆที่มีการประกาศใช้ในปัจจุบัน การเกิดโรคระบาดครั้งหน้า จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเท่าโควิด-19 เนื่องมาจากความคุ้นชินของประชาชนกับมาตราการป้องกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศที่มีการควบคุมอย่างเข้มข้นอย่าง ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศออสเตรเลีย ผนวกกับการพัฒนาชุดตรวจหาเชื้ออย่างต่อเนื่อง การควบคุมโรคจะสามารถทำได้เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภาพรวมของโลกในช่วงเวลาหลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนไปเป็นอย่างมาก ทั้งด้านการทำงาน และการเข้าสังคม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม อนาคตนั้น ยังคงเต็มไปด้วยความหวัง การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นอยู่เสมอ และเราทำได้เพียงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ และเตรียมตัวรับมือกับอนาคตต่อไป

อ้างอิงจาก INC