เทรนด์ Blockchain ที่ต้องจับตามองปี 2020 โดย IBM | Techsauce

เทรนด์ Blockchain ที่ต้องจับตามองปี 2020 โดย IBM

หนึ่งในหัวข้อสนทนาที่ได้รับความนิยมในปี 2019 คือการขยายตัวของการใช้เทคโนโลยี Blockchain ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการนำบล็อกเชนเข้าพลิกโฉมธุรกิจต่างๆ มากที่สุดในโลก ตั้งแต่การนำบล็อกเชนเข้าลดความซับซ้อนของการทำธุรกรรมหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee) ร่นกระบวนการและระยะเวลาการออกพันธบัตรรัฐบาลจาก 15 วันเหลือ 2 วัน หรือการที่กรมศุลกากรนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อพัฒนาการค้าระหว่างประเทศของไทย ให้การติดตามระบบขนส่งมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จากการร่วมงานกับลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศนับร้อยรายในปีที่ผ่านมา ทำให้ไอบีเอ็มเข้าใจถึงความต้องการและทิศทางการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน และได้คาดการณ์ทิศทางของเทคโนโลยีบล็อกเชนในปี 2020 ไว้ดังนี้ 

1. IoT, 5G, AIและ Edge Computing จะทำงานร่วมกับบล็อกเชน

เมื่อเครือข่ายบล็อกเชนต่างๆ อาทิ TradeLens เริ่มเติบโตขึ้นถึงระดับหนึ่ง ปริมาณข้อมูลก็เติบโตขึ้นตามไปด้วยจนถึงระดับหลายล้านดาต้าพอยท์ นำไปสู่ความต้องการความสามารถใหม่ๆ 

เทคโนโลยีก้าวล้ำอย่าง IoT, 5G, AIและ Edge Computing จะถูกนำมาใช้ร่วมกับบล็อกเชนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กรที่อยู่ในแต่ละเครือข่าย ตัวอย่างเช่น โซลูชันบล็อกเชนที่เชื่อมกับ IoT และ AI จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้บริการออนไลน์ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมีการเติบโตสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ 

การใช้เทคโนโลยีก้าวล้ำต่างๆ ร่วมกับบล็อกเชนจะนำสู่ความสามารถที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากบล็อกเชนจะช่วยให้อัลกอริธึมที่รองรับอยู่มีความแม่นยำยิ่งขึ้น บล็อกเชนจะช่วยให้ข้อมูลมีความปลอดภัย และช่วยตรวจสอบข้อมูลทุกชิ้นในทุกขั้นตอนของกระบวนการการตัดสินใจ ซึ่งจะนำสู่มุมมองเชิงลึกที่เฉียบคมขึ้น ที่มาจากแหล่งข้อมูลที่สมาชิกของแต่ละเครือข่ายเชื่อถือ

2. เราจะเริ่มเห็นโมเดลการกำกับดูแลที่มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น

การทำงานแบบกระจายศูนย์ทำให้เกิดความท้าทายในแง่การกำกับดูแล โดยในปี 2020 นี้ เราจะเริ่มเห็นโมเดลใหม่ๆ ที่มีความครอบคลุมและหลากหลาย ที่ทาง Consortium จะนำมาใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ การกำหนดแบบแผนในการให้สิทธิ์ หรือแม้แต่การชำระเงินโมเดลเหล่านี้จะช่วยสร้างมาตรฐานให้กับข้อมูลที่มาจากหลายแหล่ง สร้างให้เกิดชุดข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือขึ้น

การจะทำให้ทุกฝ่ายเห็นร่วมในโมเดลการกำกับดูแลต่างๆ จะต้องอาศัยความร่วมมือและแรงผลักดันจากผู้เล่นอื่นๆ โดยในปีนี้ สมาชิกของเครือข่ายต่างๆ อาจเริ่มสนับสนุนให้ผู้เล่นสำคัญๆ ของวงการเข้ามาร่วมเครือข่าย ผ่านกลไกการสนับสนุนด้านการเงิน  ตัวอย่างเช่น Consortium ของกลุ่มซัพพลายเชนระดับโลกอาจช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมเครือข่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐ เพราะมองเห็นประโยชน์จากการเข้าร่วมขององค์กรเหล่านั้น

3. ความสามารถในการทำงานข้ามระหว่างกัน (Interoperability) จะกลายเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อองค์กรผ่านขั้นตอน Proofs of Concept และการทำโครงการนำร่องแล้ว ก็จะหันมาเน้นเรื่องความสามารถในการทำงานข้ามระหว่างกัน เพื่อให้เครือข่ายบล็อกเชนที่มีอยู่สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับระบบเดิมและเครือข่ายบล็อกเชนอื่นๆ ได้ ซึ่งในที่สุดแล้วก็จะช่วยให้เกิดการเปิดรับเทคโนโลยีนี้เร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง

4. เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องจะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของข้อมูล

โซลูชันบล็อกเชนจะใช้เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ อย่าง Crypto-anchor เพื่อรับมือกับการส่งข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ประสงค์ร้ายหรือไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเทคโนโลยีนี้ โดยในฝั่งขาเข้าจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผ่านแหล่งข้อมูลหลักมากยิ่งขึ้น โดยใช้เซ็นเซอร์บีคอนแบบ IoT ที่รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ตั้งแต่จำนวนลูกค้าที่เดินเข้าร้านจนถึงความเร็วบนท้องถนน 

5. ธนาคารกลางจะผลักดันสกุลเงินดิจิทัล

Token สกุลเงินดิจิทัล และสกุลเงินดิจิทัลที่สนับสนุนโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currencies หรือ CBDC) กำลังกลายเป็นหัวข้อที่เป็นที่สนใจในกลุ่มตลาดเงิน โดยรูปแบบของการแปลงสินทรัพย์และหลักทรัพย์ให้เป็น digital token การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล กำลังสร้างมาตรฐานความปลอดภัยใหม่และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นให้กับตลาดเงิน  

จากที่เราได้เริ่มเห็นประเทศในเอเชีย ตะวันออกกลาง และแคริบเบียน ทำการทดลอง CBDC แบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่า CBDC จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นในปีนี้ และจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการชำระเงินในหลายมิติ โดย CBDC จะยังคงเติบโตต่อเนื่องในตลาด wholesale แต่ก็จะเริ่มปรากฏให้เห็นในตลาด retail เช่นกัน นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นรูปแบบอื่นๆ ของการแปลงสินทรัพย์และหลักทรัพย์ให้เป็น token และสกุลเงินดิจิทัล เช่น หุ้นกู้กลางสำหรับพันธบัตรรัฐบาลเป็นต้น

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...