ตามรายจาก Nikkei Asia รายงานว่า BMW และ Toyota จะร่วมมือกันผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน รุ่น iX5 Hydrogen ที่เปิดตัวเมื่อปี 2021 ที่งาน Munich Motor Show ที่พัฒนาต่อยอดจากตัวถังจาก X5 SUV ของ BMW โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งาน Final Winter Testing ในพื้นที่ที่หนาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อยืนยันการไดรฟ์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแม้ในอุณหภูมิต่ำสุด ซึ่งคาดว่ามีเป้าหมายในการลดความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในการตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองได้ร่วมกันพัฒนารถสปอร์ตตั้งแต่เป็นพันธมิตรกันในปี 2013 ซึ่งเปิดตัวในชื่อ BMW Z4 และ Toyota Supra ในปี 2019 และพัฒนาระบบ iX5 Hydrogen ร่วมกันกับรถ SUV X5 ของ BMW รวมถึงรถสปอร์ต BMW Z4 และ Toyota Supra ในปี 2019
Toyota ถือเป็นผู้ผลิตที่มีประสบการณ์อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง ตัวอย่างรถซีดานขนาดกลางรุ่น Mirai ที่กำลังมุ่งหน้าสู่รุ่นที่สอง ซึ่งเป็นรุ่นที่มีเครื่องยนต์หรือแบตเตอรี่จากไฮโดรเจนและออกซิเจนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
เซลล์เชื้อเพลิงมีข้อได้เปรียบกว่ารถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่-ไฟฟ้า ในเรื่องความรวดเร็วในการเติมเชื้อเพลิง โดยสามารถเติมเชื้อเพลิงได้ภายในสามถึงสี่นาทีและเดินทางได้ไกลขึ้น โดย Fuel cell ehicle (FCV) สามารถเติมเชื้อเพลิงได้ภายในสามถึงสี่นาที ซึ่งเร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่มาก แม้ว่า BMW จะไม่เปิดเผยช่วงของ iX5 แต่มีการคาดการณ์ว่าจะมีถังขนาดประมาณ 6 กิโลกรัมจำนวนสองถังรองรับเพื่อให้สามารถเดินทางไกลได้ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายสถานีไฮโดรเจนสาธารณะของสหรัฐฯ กระจุกตัวอยู่ในแคลิฟอร์เนีย และยังไม่พร้อมสำหรับการยอมรับในวงกว้างทั่วโลก
Pieter Nota หัวหน้าฝ่ายขายของ BMW ระบุว่า ทั้ง BMW และ Toyota วางแผนเปิดตัวภายในช่วงสิบปีนี้โดยคาดว่าเร็วที่สุดภายในปี 2025 โดยการผลักดันของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันให้เข้าสู่รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ท่ามกลางกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้นในยุโรป การกลับเข้าสู่ตลาด EV อีกครั้งด้วยรุ่น coupe i4 และ iX SUV และมีเป้าหมายในการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าให้ ได้ 50% ของยอดขายใหม่ทั้งกลุ่ม รวมถึง Rolls-Royce และ MINI จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030 นี้
อย่างไรก็ตาม Nota ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละพื้นที่ ทำให้ขาดแคลนจุดชาร์จและวัสดุจำเป็นเช่น ชิปสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน รวมทั้งไฮบริดยังมียอดขายประมาณครึ่งหนึ่ง ดังนั้นเรายังรักษาการลงทุนด้านเครื่องยนต์สันดาป
“เราเชื่อในความสำคัญของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี รวมถึงไฮโดรเจน และเครื่องยนต์สันดาปที่มีประสิทธิภาพ และเราไม่ต้องการลงทุนทั้งหมดในพื้นที่เดียว” เขากล่าว
สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว BMW ทำสัญญาระยะยาวกับชิปต้นทางที่ใช้โดยซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนเพื่อขยาย Supply Chain ของตนเองโดยได้ลงนามในสัญญากับ Inova Semiconductors และ GlobalFoundries ในปลายปี 2021 สำหรับชิปอัจฉริยะ Smart-LED ภายใต้ข้อตกลงนี้ BMW วางแผนที่จะขยายทั้งในแง่ของปริมาณรวมและความหลากหลายของเซมิคอนดักเตอร์สำหรับรถยนต์อีกด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก
EV laggards BMW and Toyota to partner on hydrogen fuel cell vehicles
BMW fuel cell SUV to enter mass production as soon as 2025: executive
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด