Bob Iger เตรียมลาออกจาก CEO ดิสนีย์ พร้อมทิ้งบทเรียนการเป็นผู้นำ | Techsauce

Bob Iger เตรียมลาออกจาก CEO ดิสนีย์ พร้อมทิ้งบทเรียนการเป็นผู้นำ

Bob Iger ผู้นำที่อยู่คู่กับดิสนีย์มานานกว่าสามทศวรรษและเป็น CEO มานานกว่า 14 ปี ในช่วงเวลานั้นเขาประสบความสำเร็จมาบ้างเล็กน้อยรวมถึงการสร้างผลสำเร็จให้บริษัทเติบโตเป็นสื่อที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกภายใต้การดูแลของ Bob Iger ผู้บริหารระดับสูงคนที่ 6 ของ บริษัท Disney ที่ไม่ใช่แค่ผู้บริหารแต่คือผู้ที่ได้สร้างความสำเร็จไว้มากมาย อาทิ 

  • การเข้าซื้อค่ายผลิตสื่อภาพยนตร์อย่าง Pixar (ในปี 2549), Marvel (2009), Star Wars (well, technically, Lucasfilm ในปี 2012) และ Fox ศตวรรษที่ 21 (2019) 
  • นอกจากนี้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท ได้เปิดตัวบริการสตรีมมิ่ง Disney ที่ได้สร้างปรากฎการให้กับบริษัทด้วยการสร้างความนิยมในกลุ่มผู้ชมออนไลน์ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเพียงไม่กี่เดือนมีจำนวนคนสมัครสมาชิกสตรีมมิ่ง Disney มากกว่า 28 ล้านราย
  • ล่าสุดกับตัวละครเก่าในอดีตที่เคยสร้างความประทับใจในภาพยนตร์อมตะอย่าง Star wars ที่นำมาสร้างเรื่องราวใหม่ที่มีชื่อว่า “hello, Baby Yoda” ตัวละครน่ารักที่สร้างกระเเสติดเทรนด์โลกในปี 2019 

Credit: Josh Hallett

ล่าสุดกับข่าวที่น่าตกใจจากการที่ Bob Iger ได้ออกมาประกาศถึงการลาออกและเเผนลงจากตำแหน่งซึ่งสัญญาของเขากับบริษัทจะสิ้นสุดในปี 2564 ซึ่งก่อนจะถึงช่วงเวลาดังกล่าวเขายังคงบริหารงานต่อไปแต่ถึงอย่างไรช่วงเวลาที่เขาตั้งใจจะออกจากตำเเหน่งเมื่อหมดสัญญาและพร้อมส่งมอบตำเเหน่งให้รุ่นต่อไปยังเป็นเป้าหมายสำคัญของเขา 

Bob Iger ;CEO ของ Disney ได้กล่าวว่า “ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคของความสำเร็จที่มารวมตัวอยู่ในช่วงเวลานี้ของบริษัท Disney ด้วยความสำเร็จของการเปิดตัวธุรกิจที่สร้างความประทับใจให้เเก่ผู้บริโภคและได้รับการตอบรับที่ดีมากฉันเชื่อว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงและตั้ง CEO คนใหม่” Bob Iger ยังกล่าวอีกว่าเขาวางแผนที่จะสนับสนุน Bob Chapek, CEO คนใหม่ของ บริษัท นอกจากนี้วิสัยทัศน์ของเขาต่อบริษัท "ยังคงมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆ"

แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่เพียการออกจากตำเเหน่งของเขาแต่คือเหตุผลของออกจากตำแหน่ง CEO ของ Disney ที่สร้างความประทับใจแสดงให้เห็นถึงการรู้จักตนเองและเเสดงออกถึงภาวะผู้นำอย่างแท้จริง การเดินออกจากตำแหน่งที่เรียกได้ว่าอยู่จุดสูงสุดของชีวิต เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักหากเลือกที่จะเดินออกมาด้วยตัวเองเพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ตระหนักถึงตนเองพอที่จะรู้ว่า อย่ายึดติดกับตำเเหน่งและสิ่งที่มีเมื่อทำหน้าที่สำเร็จตามที่ตั้งใจแล้วควรทิ้งพื้นที่ไว้เปลี่ยนมือให้คนรุ่นหลังได้สร้างสิ่งใหม่ในพื้นที่ว่างนี้ให้องค์กรในอนาคต นี่คือสิ่งที่ Bob Iger ;CEO ของ Disney ได้เเสดงออกและสร้างบทเรียนดีๆ ไว้ 

ผู้นำหลายคนเชื่อว่าความสำเร็จที่พวกเขามีในอดีตจะดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เป็นผลให้ผู้นำส่วนใหญ่ติดอยู่นานเกินกว่าที่ควรและท้ายที่สุดถูกบังคับให้ออกหลังจากที่ผลงานของพวกเขาเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ในความเป็นจริงสำหรับหลาย ๆ บริษัท การพิจารณาว่าใครจะเป็นผู้นำ บริษัท ต่อไปคือหนึ่งในความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความสำเร็จในอนาคต

ที่ผ่านมา Bob Iger ได้ทำสิ่งที่เขาตั้งใจไว้และมันประสบความสำเร็จ และเขายังได้สร้างวิสัยทัศน์และตัวอย่างที่ดีของการเป็นผู้นำไว้ให้กับ Disney นอกเหนือจากการบริหารงานที่ผ่านมาแล้วการประกาศออกจากตำเเหน่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นว่าที่ผู้นำที่ดีจะทำสิ่งที่ผู้นำที่ดีควรทำ และอย่างที่ Bob Iger แสดงให้เราเห็นว่า 

บางครั้งการเเสดงออกของสภาวะผู้นำที่ดีต้องรู้ถึงเวลาของตนและพร้อมเดินจากไป เมื่อมีคนรุ่นใหม่พร้อมที่จะก้าวเข้ามาและเป็นผู้นำสร้างสิ่งใหม่ซึ่งคุณไม่ควรจะปิดกั้น เพื่อรักษาตำแหน่งของคุณ

อ้างอิงข้อมูลจาก inc.com 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...