บำรุงราษฎร์ จับมือ 'Biocia' Startup ด้าน MedTech นำร่องใช้ AI ตรวจหาจุลชีพก่อโรค-ดื้อยา | Techsauce

บำรุงราษฎร์ จับมือ 'Biocia' Startup ด้าน MedTech นำร่องใช้ AI ตรวจหาจุลชีพก่อโรค-ดื้อยา

ในวงการแพทย์หนึ่งในปัญหาใหญ่ในการรักษา คือเรื่องของ 'การดื้อยา' ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ความน่ากลัวของการดื้อยาคือจะทำให้โลกเข้าสู่ยุคหลังยาปฏิชีวนะ ที่การติดเชื้อแบคทีเรียเพียงเล็กน้อยอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และเข้าสู่การล่มสลายทางการแพทย์แผนปัจจุบัน เพราะการผ่าตัดล้วนแต่ต้องพึ่งพิงประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ รวมทั้งการรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัด ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จึงร่วมมือกับ 'Biocia' Startup จากสหรัฐอเมริกา ในการนำเทคโนโลยี AI หรือซอฟต์แวร์ต่างๆ มาสร้าง Solution ให้กับโรงพยาบาล ที่จะลดเวลาการเพาะเชื้อจุลชีพเพื่อหาชนิดของเชื้อโรค

ปัจจุบัน ทั่วโลกมีคนเสียชีวิตจากการติดเชื้อดื้อยาประมาณปีละ 700,000 ราย และหากไม่มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ในอีก 35 ปีข้างหน้า (ค.ศ.2050) คาดว่าการเสียชีวิตจะสูงถึง 10 ล้านคน โดยทวีปเอเชียและแอฟริกาจะเสียชีวิตมากที่สุด คือ 4.7 และ 4.2 ล้านคน สำหรับประเทศไทย การประมาณการณ์เบื้องต้นคาดว่ามีการติดเชื้อดื้อยาประมาณปีละ 87,751 ครั้ง เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา 38,481 ราย (ร้อยละ 40 ของผู้ติดเชื้อดื้อยา)

การดื้อยาของจุลชีพจึงกำลังเป็นปัญหาคุกคามทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้เร่งรณรงค์ให้มีการคิดค้นนวัตกรรมการวินิจฉัยโรค พร้อมหาแนวทางใหม่ๆ ในการระบุชนิดของจุลชีพและการดื้อยาให้ได้อย่างรวดเร็ว  ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถรักษาการติดเชื้อตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น รวมทั้งในรายที่เป็นมากแล้ว ได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที โดยเฉพาะการให้การรักษาในระยะเริ่มต้นที่ถูกต้อง จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้วิธีการเพาะเชื้อเพื่อหาชนิดของจุลชีพก่อโรคและการดื้อยาปฏิชีวนะแบบดั้งเดิม ได้ใช้มาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ซึ่งแม้ว่าจะเป็นวิธีที่มีประโยชน์ แต่มักใช้เวลาเนิ่นนาน ด้วยต้องอาศัยกระบวนการและแรงงานของบุคลากรอย่างมาก และจากวิธีปฏิบัติดังกล่าว ทำให้การวินิจฉัยล่าช้า หรือ อาจไม่ได้ผลการวินิจฉัยเลย ซึ่งพบได้ในบ่อยครั้ง

ล่าสุด ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการหาลำดับเบสในสารพันธุกรรมของจุลชีพก่อโรค [next-generation sequencing  (NGS)] ร่วมกับการสร้างนวัตกรรมซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถระบุชนิด และลักษณะของจุลชีพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยโรคติดเชื้อ การประเมินผลลัพธ์ ตลอดจนการคัดกรองจุลชีพก่อโรคเพื่อเฝ้าระวัง และลดอัตราการติดเชื้อในโรงพยาบาล ซึ่งพบว่าเกิดขึ้นกับผู้ป่วยถึง 1 ใน 25 รายในปัจจุบัน (ข้อมูลจาก Centers for Disease Control and Prevention (CDC) และ Healthcare Associated Infection (HAI) สหรัฐอเมริกา)

ความร่วมมือของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กับ Biocia

สำหรับความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กับ Biocia ในครั้งนี้ นับเป็นอีกมิติในการพลิกโฉมทางการแพทย์ ซึ่งมุ่งให้ความสำคัญในการนำ AI เข้ามาร่วมวิจัยค้นคว้าและพัฒนาเพื่อยกระดับนวัตกรรมทางการแพทย์ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้นำเสนอถึงความก้าวหน้าของวิธีการตรวจหาชนิดจุลชีพ ด้วยเทคโนโลยีชนิดพกพาที่รายงานผลแบบทันทีทันใด (เรียลไทม์) โดยใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI: Artificial Intelligence) ของ Biocia เพื่อระบุชนิดจุลชีพก่อโรค  โดยเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว มีความก้าวล้ำ และมีจุดเด่น คือ

  1. ช่วยลดเวลาในการตรวจหาเชื้อก่อโรค ตัวบ่งชี้การดื้อยา และปัจจัยแสดงความรุนแรงของโรค ให้เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง จากในอดีตผู้ปฏิบัติการต้องใช้เวลาดำเนินการหลายวัน หรือ หลายสัปดาห์
  2. ช่วยให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้สามารถควบคุม และจัดการการติดเชื้อ ตลอดจนลดความเสี่ยงต่อการดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดร.นีม โอฮารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบโอเชีย เปิดเผยว่า ไบโอเชียได้คิดค้นชุดวิธีการตรวจหาจุลชีพก่อโรค ตัวบ่งชี้การดื้อยา และปัจจัยที่แสดงความรุนแรงของเชื้อก่อโรค ที่แม่นยำและรวดเร็วกว่าวิธีการโดยทั่วไปที่ใช้กันอยู่ โดยโครงการความร่วมมือระหว่างไบโอเชีย และ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นับเป็นโครงการในระยะยาว ซึ่งทางไบโอเชียจะได้ใช้วิธีการต่างๆ ประกอบด้วย ด้านที่หนึ่ง วิธีการตรวจหาจุลชีพก่อโรคของไบโอเชีย เทคนิคทางห้องปฏิบัติการและการหาลำดับเบสฯ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Oxford Nanopore, ร่วมกับการใช้ซอฟท์แวร์ปัญญาประดิษฐ์เชลซีของไบโอเชีย (Biotia AI software, ChelseaTM) และ ด้านที่สอง ฐานข้อมูลต่างๆ โดยจะมีการพิสูจน์ความถูกต้องด้วยการเพาะเชื้อตัวอย่างจุลชีพชุดย่อย ประกอบกับการใช้เทคนิค PCR (Polymerase Chain Reaction) และ Illumina sequencing

“ไบโอเชียมีความเชี่ยวชาญในการประยุกต์งานวิจัยด้านจุลชีพก่อโรคให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริงทางคลินิกสำหรับโรงพยาบาล เราดีใจที่จะได้ทำงานกับโรงพยาบาลที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล อย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่ขับเคลื่อนให้มีการใช้เทคโนโลยีนี้ทางการแพทย์ในวงกว้าง” ดร.นีม โอฮารา กล่าว

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

IMD จัดอันดับ Digital Competitiveness ปีนี้ ไทยร่วงจาก 35 เป็น 37 ถ้าอยากขยับขึ้น...ต้องแก้ไขตรงไหนก่อน?

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ประจำปี 2567 โดย IMD World Competitiveness Center ไทยได้อันดับ 37 ขยับลงจากปีก่อน 2 อันดับ (35) แล้วจะทำอย่างไรให้ไทยได้อยู่ในอัน...

Responsive image

สู่ Siri ยุคใหม่ ! เผย Apple เตรียมเปิดตัว LLM Siri ในปี 2026 ท้าแข่ง ChatGPT โดยเฉพาะ

OpenAI ถือเป็นหนึ่งในบิ๊กเทคฯ ยักษ์ใหญ่ที่มีความก้าวกระโดดด้านการพัฒนา AI หลังจากสร้างกระแสด้วยแชทบอท ChatGPT ไปเมื่อปลายปี 2022 ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งมีดีลกับ Apple ในการนำ Cha...

Responsive image

American Airlines เปิดตัวระบบจัดการคิวอัจฉริยะ เทคโนโลยีเสียงเตือนสองระดับ ปิดเกมสายแซงคิวขึ้นเครื่อง

เคยเจอไหม? คนแซงคิวขึ้นเครื่องจนวุ่นวายที่ประตูทางขึ้น หลังจากนี้จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อ American Airlines แก้ปัญหานี้ด้วยเทคโนโลยีเสียงเตือนอัจฉริยะ ที่จะจับทุกความพยายามแอบขึ้นเครื...