ตลาดเบียร์แสนล้านระอุ ! เมื่อเกิดศึกชิงนักดื่ม ผู้ท้าชนในครั้งนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจาก "คาราบาว" (Carabao) ที่ล่าสุดคุณเสถียร ได้ทุ่มงบมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท ก้าวขาสู่สังเวียนธุรกิจแอลกอฮอล์อย่าง "เบียร์" โดยเตรียมเปิดตัว "เบียร์" น้องใหม่ไฟแรง ที่อยู่ระหว่างหารือในการคัดสรรชื่อ โดยคาดว่าจะทำเบียร์ออกมาอย่างน้อย 2-3 รสชาติ โดยเตรียมจะออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาส 4 ปี 66 นี้
คุณเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานกรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเปิดตัวเบียร์ และคาดว่าจะวางตลาดได้ในช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป ประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานผลิตที่จังหวัดชัยนาท ทั้งนี้มีกำลังการผลิตประมาณ 400 ล้านลิตรต่อปี และมีแผนจะวางขายทั่วประเทศ
"เพราะการรุกเข้ามาในตลาดเบียร์ถือเป็นไฟท์บังคับ เนื่องด้วยหลังจากที่ทำเหล้าแล้ว ถ้าเราไม่ทำเบียร์ โอกาสที่เหล้าจะเติบโตหรือขยายตลาดค่อนข้างยาก และต้องยอมรับว่าถ้าจะขายเหล้า ที่เป็นเหล้าสีก็ได้ อย่าง โซจู ก็ต้องขายอยู่ในร้านที่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร หรือ ออนพรีมีส ซึ่งออนพรีมีสแอลกอฮอล์ที่ขายเยอะที่สุดคือเบียร์ ที่นี่ถ้าเราไม่มีเบียร์เวลาเราจะเข้าไปต่อรองก็จะสู้เขาไม่ไหว เพราะเบียร์เป็นจำนวนที่เยอะ ส่วนสไตล์เบียร์ของเราจะเป็น เบียร์เยอรมัน” คุณเสถียร กล่าว
ทั้งนี้คุณเสถียร ได้มีการศึกษาเรื่องตลาดเบียร์มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ตั้งแต่เริ่มทำโรงเหล้า แต่เบียร์จะแตกต่างออกไป เพราะด้วยมีพื้นฐานทำเบียร์เยอรมัน และเรื่องรสชาติจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องที่ยาก ทั้งนี้เบื้องต้นมีแผนที่จะทำเบียร์ออกมาอย่างน้อย 2-3 รสชาติ และครบทุกเซกเมนต์แล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อย ๆ เพราะด้วยความที่มีพื้นฐานจากโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงที่เปิดมากว่า 20 ปี ดังนั้นจึงมองว่าเบียร์ที่พัฒนาขึ้นจะมีรสชาติดี เพียงแต่สิ่งที่ค้ำคอคือจะขายราคาเท่าไหร่เท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน คุณเสถียรมองว่า คอเบียร์เมืองไทยปรับเปลี่ยนเปิดรับทางเลือกที่หลากหลาย ด้วยความที่ได้รับข้อมูลข่าวสารของ Internet ก็ดี หรือจากการที่คนเราเดินทาง ไปเห็นอะไรต่าง ๆ มา ก็จะเริ่มรู้สึกว่ามีเบียร์จำนวนมากให้เลือก ทั้งนี้มองว่าตลาดเบียร์จะยังโตขึ้นได้อีกหลังจากที่บุกตลาด รวมทั้งการมีช่องทางค้าขายเองก็จะช่วยได้มาก
ในส่วนของเบียร์ที่ลงทุนไป 4,000 ล้านบาท อาจไม่ได้เทียบเท่ากับกับการลงทุนเยอะสุดอย่างถูกดี ซึ่งก็ถือว่าในแง่ของขนาดของเงินทุน 4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ทำโรงเหล้า เพียงแต่ว่าโรงเหล้าทำมา 4 – 5 ปี ก็มีการขยายเพิ่มลงทุนไปเรื่อย แต่ว่าธุรกิจของโรงเหล้าก็สามารถทำกำไรได้ ทั้งนี้สินค้าขายดี อย่างเหล้าเบียร์หากมองเป็นเปอร์เซ็นต์ของพอร์ตในร้านโชห่วย โดยเฉลี่ยของร้านถูกดีน่าจะประมาณ 25% หรือ 1 ใน 4 เลยก็ว่าได้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด