ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ จีน-สหภาพยุโรป (EU) ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างสองฝ่ายในการต่อต้าน อำนาจเบ็ดเสร็จ (Unilateralism) หรือการที่ประเทศหนึ่งตัดสินใจดำเนินการตามความต้องการฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
และสนับสนุนการจัดการโลกในรูปแบบ พหุภาคีนิยม (Multilateralism) หรือการร่วมมือระหว่างหลายประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยไม่ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำหรือออกคำสั่งเพียงฝ่ายเดียว พร้อมทั้งประกาศยกเลิก มาตรการคว่ำบาตร ที่มีต่อสมาชิกสภายุโรป เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ

จีน-สหภาพยุโรป สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการใน ปี 1975 โดยตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือที่หลากหลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์มีทั้งช่วงที่แน่นแฟ้นและตึงเครียด เช่น กรณีมาตรการคว่ำบาตรซึ่งกันและกันในปี 2021 ซึ่งล่าสุดทางการจีนได้ยืนยันการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อสมาชิกสภายุโรปบางราย ซึ่งเคยถูกตั้งข้อกล่าวหาผิดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงของจีน ซึ่งถือเป็นการเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในด้านการค้าและการทูต (มาตรการคว่ำบาตรนี้ถูกตั้งขึ้นในปี 2021 หลังจากการกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง)
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ส่งข้อความถึง อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน และ อันโตนิโอ คอสตา ผู้นำสหภาพยุโรป เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ จีน-สหภาพยุโรป โดยกล่าวถึงการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างจีน-สหภาพยุโรป ในการต่อต้านการใช้ อำนาจเบ็ดเสร็จ และสนับสนุนแนวทาง พหุภาคีนิยม เพื่อผลักดันการพัฒนาระเบียบโลกที่ยุติธรรมและเท่าเทียม
แม้จะมีความท้าทายในด้านการค้าและสิทธิมนุษยชน สหภาพยุโรป ยังคงแสดงท่าทีพร้อมที่จะร่วมมือกับจีนในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย รวมถึงการจัดการกับ ปัญหาความไม่สมดุลทางการค้า และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมสำหรับการดำเนินธุรกิจในจีน ซึ่งยังคงเป็นข้อเรียกร้องสำคัญของ EU ที่มีการพูดถึงอย่างต่อเนื่องในการเจรจากับจีนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกันถึงความสำคัญของการร่วมมือกันในการจัดการกับความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหภาพยุโรปในอนาคตจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในระดับนานาชาติ
อ้างอิง: Bloomberg
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด