หมดยุครถน้ำมัน? จีนจ่อทุบสถิติ ยอดขาย EV แซงหน้ารถสันดาปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

แม้จีนจะขึ้นชื่อด้านรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยอดขายในประเทศยังถือว่าตามหลังรถสันดาป (ICE) แต่ในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนอาจแซงรถยนต์สันดาปเป็นครั้งแรก นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์สำคัญ

Financial Times เปิดยอดประมาณการยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ Plug-in Hybrid ในประเทศจีนโดยอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดที่ได้รับมาจากธนาคารเพื่อการลงทุนทั้งหมด 4 แห่ง โดยระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 จะเติบโตขึ้นประมาณ 20% ส่งผลให้มียอดขายในประเทศพุ่งสูงถึง 12 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าปี 2023 ที่ขายได้ราว 5.9 ล้านคันหรือโตขึ้นเป็นสองเท่า

ในขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์สันดาปในประเทศจีนจะลดลงมากกว่า 10% ในปี 2025 เหลือไม่ถึง 11 ล้านคัน ซึ่งนับว่าลดลงมากถึง 30% เมื่อเทียบกับยอดขาย 14.8 ล้านคันในปี 2023

นอกจากนี้ HSBC ยังประมาณการว่า ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายจีนมีการวางแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ประมาณ 90 รุ่นในประเทศจีน ในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2024 ประมาณหนึ่งคันต่อวัน และเกือบ 90% เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะยิ่งทำให้รถสันดาปมียอดขายในประเทศลดลงไปอีก

ตัวเลขการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลจีนเคยกำหนดเป้าหมายให้เมืองหลวงอย่างปักกิ่งเอาไว้ว่า ภายในปี 2035 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องมีสัดส่วน 50% แต่การที่จีนสามารถบรรลุเป้าได้สำเร็จลุล่วงก่อนกำหนด 10 ปีนั้น อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้โลกก้าวสู่ยุคแห่ง EV ได้เร็วมากยิ่งขึ้น


ไม่มีประเทศไหนที่ใกล้เคียงกับจีน พวกเขา (จีน) ต้องการเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นไฟฟ้า

Robert Liew ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยพลังงานหมุนเวียนในเอเชียแปซิฟิกของ Wood Mackenzie กล่าวว่าความสำเร็จด้านรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ส่งสัญญาณถึงความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ และการรักษาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกสำหรับทรัพยากรที่สำคัญที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ ขนาดของอุตสาหกรรมหมายถึงการลดต้นทุนการผลิตอย่างมากและราคาที่ต่ำกว่าสำหรับผู้บริโภค

การคาดการณ์จากรายงานฉบับดังกล่าวได้บอกเป็นนัยว่า ภายในอีก 10 ปี โรงงานที่ตั้งขึ้นในประเทศจีนเพื่อผลิตรถยนต์สันดาปหลายสิบล้านคัน จะไม่มีตลาดในประเทศอีกต่อไป และการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนก็กำลังคุกคามผู้ผลิตรถระดับชาติจากเยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ

ในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว ผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐฯ อย่าง GM ได้ลดมูลค่าธุรกิจในประเทศจีนลงมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ัฝ่งของค่ายรถญี่ปุ่น Nissan และ Honda ก็จำเป็นต้องควบรวมกิจการบางส่วนเพื่อสู้กับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก 


อ้างอิง : MSN

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ปฏิวัติวงการวัสดุศาสตร์! นักวิจัยสร้าง ‘Structural Color’ เปลี่ยนสีได้ดั่งใจ ไม่พึ่งสารเคมี

นักวิจัย University of Florida พัฒนาวัสดุอัจฉริยะเปลี่ยนสีได้ทันทีด้วย Vanadium Dioxide ไม่ง้อสีย้อมเคมี ใช้หลักการ Structural Color ประยุกต์ใช้ได้ทั้งสิ่งทอ แฟชั่น และชุดพรางตัวทห...

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...