สมรภูมิใหม่ของการค้าโลกกำลังระอุ เมื่อแบรนด์จีนเลือก สิงคโปร์ เป็นบันไดสู่ความสำเร็จ สิงคโปร์กำลังจะเป็นฐานทดลองเพื่อขยายธุรกิจจีนสู่ตลาดโลก เนื่องจากผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัว เชื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการขยายไปทั่วโลก
สิงคโปร์ได้กลายเป็นพื้นที่เชิงกลยุทธ์ของแบรนด์สัญชาติจีนในการตีตลาดต่างชาติ ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว Xiaofeng Wang นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยตลาดระดับโลก Forrester กล่าวว่า “สิงคโปร์เป็นสถานที่ที่เราเรียกกันว่าเป็นจุดที่ตะวันออกพบกับตะวันตก ดังนั้นสำหรับบริษัทจีน หากพวกเขาต้องการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ผมคิดว่าสิงคโปร์ถือเป็นทางสายกลางที่ดี”
โดยในเดือนสิงหาคมในปีนี้เพียงเดือนเดียว Chagee แบรนด์ชาสัญชาติจีนได้เปิดสามสาขาในสิงคโปร์ รวมไปถึง Pop Mart แบรนด์ของเล่นสัญชาติจีนได้จัดงาน Pop Toy Show ถึงสองครั้งในสิงคโปร์และมีศิลปินเข้าร่วมมากถึง 50 คน ซึ่งยอดขายของ Pop Mart ครึ่งปีแรกในต่างประเทศเติบโตถึง 260% หรือคิดเป็นเม็ดเงินกว่า 1.35 พันล้านหยวนหรือราว 6.4 พันล้านบาท ซึ่งช่วยกระตุ้นการเติบโตของยอดขายโดยรวมมากกว่า 60% แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวก็ตาม
ตลาดสิงคโปร์ถือเป็น "จุดเริ่มต้น" สำหรับการใช้ประโยชน์จากศักยภาพมหาศาลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนขยายไปทั่วโลก โดย Lu Mian กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการตลาดทั่วโลกของ Chagee กล่าว “ในอีก 5 ปีข้างหน้า Chagee จะมุ่งเน้นความพยายามในการขยายธุรกิจใน 8 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นประเทศหลัก”
บริษัทจีนได้เปิดแบรนด์ของตัวเองมากขึ้นหลังผ่านยุคที่จีนเป็นประเทศฐานการผลิตให้กับแบรนด์ต่างประเทศมาอย่างยาวนาน แบรนด์จีนยุคใหม่ไม่ปิดบังอัตลักษณ์ของประเทศและชูความเป็นจีนทำให้แบรนด์มีความแตกต่างและโดดเด่นในตลาด ยกตัวอย่างเช่น Chagee แบรนด์ชาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงิ้วจีน
นอกจากนี้การยอมรับอัตลักษณ์ของจีนที่มากขึ้นเป็นผลดีกับหลายบริษัท รวมถึงบริษัทผู้ผลิตของเล่นรายย่อยตัวอย่างเช่น Hidden Wooo ที่นำเสนอตุ๊กตารูปสัตว์ในแบบฉบับจีน ได้รับเสียงตอบรับในงาน Pop Toy Show ในประเทศสิงคโปร์เป็นอย่างดีและสามารถขายออกได้ตั้งแต่ก่อนงานจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางกา
อย่างไรก็ตามแบรนด์อื่นๆ เช่น แบรนด์ของเล่น Dodo Sugar ได้เผชิญกับความท้าทายในการเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของพวกเขาซึ่งมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมและเรื่องราวของจีนอย่างลึกซึ้ง อาจเป็นเรื่องยากที่ผู้ชมต่างประเทศจะเข้าใจหรือชื่นชมได้อย่างเต็มที่ แต่ถึงแม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ Dodo Sugar ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายไปยังสิงคโปร์และตลาดอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
อย่างไรก็ตามแบรนด์จีนต้องปรับตัวอย่างมากในการตีตลาดโลก ซึ่งต้องปรับตัวทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การดำเนินงาน และกลยุทธ์ทางการตลาด เช่น การปรับเปลี่ยนดีไซน์สินค้าให้ตรงใจตลาดสิงคโปร์ การปรับรูปแบบธุรกิจจากแฟรนไชส์เป็นเจ้าของกิจการโดยตรง
รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ให้สอดคล้องกับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง YouTube, Facebook และ TikTok ที่ไม่ได้ถูกใช้ในประเทศจีนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะ TikTok Shop ที่กำลังเป็นช่องทางหลักของแบรนด์จีนเนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับ Douyin แพลตฟอร์มยอดนิยมในจีน
ในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง คาดว่าแบรนด์สัญชาติจีนจำนวนมากขึ้นจะขยายตัวไปทั่วโลกโดยใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางสำคัญ รวมถึง JD.com ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์ม e-commerce ได้เพิ่มตัวเลือกการขนส่งไปสิงคโปร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มนี้
Xiaofeng Wang นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยตลาดระดับโลก Forrester เชื่อว่าเมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัว อัตราการขยายตัวทั่วโลกของบริษัทจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความต้องการการเติบโตและผลกำไรที่สูงขึ้นผลักดันให้บริษัทจีนเร่งสำรวจตลาดใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด