- การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลก และทำให้ภูมิภาคอาเซียนต้องเสี่ยงต่อการสูญเสียด้านการแข่งขันในเรื่องแรงงานราคาถูก
- ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียนโดยสร้างมูลค่าราว 670 พันล้านดอลลาร์ หรือ 21 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีของภูมิภาค และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571
- การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็น “ประตูสู่โอกาสที่สำคัญ” สำหรับผู้ผลิตระดับภูมิภาคที่สามารถใช้ประโยชน์จากการปฏิวัติดิจิทัลได้อย่างเหมาะสม
- ผู้ผลิตจะต้องปรับใช้แนวทางแบบรอบด้าน เริ่มจากการวินิจฉัยปัญหาในแต่ละจุด การระบุกรณีการใช้งานเทคโนโลยี 4IR ที่เหมาะสม การดำเนินโครงการนำร่องโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพให้แก่องค์กร
ภาคอุตสาหกรรมการผลิตเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) โดยสร้างมูลค่าราว 670 พันล้านดอลลาร์ หรือ 21 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีของภูมิภาคนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571
นอกจากนี้ ภูมิภาคอาเซียนยังอาจสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกราว 250 พันล้านดอลลาร์ถึง 275 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 โดยเป็นการเพิ่มขึ้น 35 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเพิ่มในการผลิต ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการสร้างช่องทางรายได้เพิ่มเติม เช่น การผลิตสินค้าใหม่ๆ และการปรับปรุงคุณภาพ ด้วยการปรับใช้เทคโนโลยียุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Fourth Industrial Revolution หรือ 4IR)
การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็น “ประตูสู่โอกาสที่สำคัญ” ของภูมิภาค ASEAN
ความแพร่หลายของเทคโนโลยี 4IR ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตของภูมิภาคนี้ รวมถึงศักยภาพในการเติบโต โดย 5 เทคโนโลยีที่หลักที่ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายในห่วงโซ่มูลค่าด้านการผลิตคือ Internet of Things (IoT), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ระบบการพิมพ์ 3 มิติ, หุ่นยนต์, อุปกรณ์สวมใส่
ข้อได้เปรียบจากต้นทุนต่ำของผู้ผลิตในอาเซียนค่อยๆ ถูกทำลายลง เนื่องจากคู่แข่งในประเทศพัฒนาแล้วใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็ว ปรับปรุงคุณภาพ และรองรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ถือเป็น “ประตูสู่โอกาสที่สำคัญ” สำหรับผู้ผลิตระดับภูมิภาคที่ได้ใช้ประโยชน์จากการปฏิวัติดิจิทัลอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตในอาเซียน สามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสู่อุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ผลิตในอาเซียน จะต้องเร่งการปรับใช้เทคโนโลยี 4IR ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถก้าวตามคู่แข่งได้ทัน
นอกจากนี้ ภาครัฐนับว่ามีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิต อย่างไรก็ตามประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียน รวมถึงรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น ยังไม่พร้อมสำหรับการปฏิวัติทางด้านดิจิทัล โดยยังขาดมาตรการที่ชัดเจนในการสนับสนุนโครงการด้านเทคโนโลยีสำหรับภาคการผลิต
ความท้าทายสำคัญที่ผู้ผลิตชั้นนำในภูมิภาคนี้ต้องเผชิญก็คือ จะทำอย่างไรเพื่อเร่งการปรับใช้เทคโนโลยีที่มีโครงสร้างชัดเจนและสามารถสร้างมูลค่าที่เป็นรูปธรรมได้?
3 คำถามที่สำคัญ สำหรับการดำเนินการด้าน 4IR ให้ประสบผลสำเร็จ
- มีโอกาสทางด้าน 4IR ระยะสั้นอะไรบ้างที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับบริษัท?
- จะสามารถปรับใช้โซลูชั่นในลักษณะที่เป็นโครงสร้างและมีความยั่งยืนได้อย่างไร?
- จะสามารถจัดการกับปัญหาการดำเนินงานที่หยุดชะงักเพื่อรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจได้อย่างไร?
เพื่อตอบคำถามเหล่านี้และรองรับการดำเนินการด้าน 4IR ให้ประสบผลสำเร็จ ผู้ผลิตจะต้องปรับใช้แนวทางที่รอบด้านซึ่งผสานรวมการดำเนินการระยะสั้นเข้ากับแผนพัฒนาระยะยาว โดยจะต้องใช้แนวทางที่มุ่งเน้นปัญหา เพื่อแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจง และดำเนินการตามวิสัยทัศน์ “เป้าหมายสูงสุด” เพื่อชี้นำการพัฒนาระบบนิเวศน์คู่ค้าที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง และเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับองค์กร
แนวทาง 6 ข้อในการพัฒนาเพื่อรองรับ 4IR สำหรับผู้ผลิตใน ASEAN
- มุ่งเน้นปัญหาสำคัญ: ระบุปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข โดยพิจารณาจากปัจจัยขับเคลื่อนมูลค่าที่สำคัญสำหรับแต่ละรูปแบบการผลิต: สินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าชนิดพิเศษ สินค้าสำหรับคอนซูมเมอร์
- ระบุกรณีการใช้งานเทคโนโลยีที่เหมาะสม: เข้าใจวิธีการแก้ไขปัญหาและกรณีการใช้งานสำหรับ 4IR ทีสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่น ไม่ตื่นเต้นไปกับเทคโนโลยีใหม่ๆ โซลูชั่นที่ไม่เหมาะสมและฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น
- ดำเนินโครงการนำร่องโดยอาศัยการทำงานร่วมกัน: พัฒนาโซลูชั่นร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีโดยทดสอบและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการนำร่อง อาศัยการกำกับดูแลที่เหมาะกับเป้าหมาย
- สร้าง Partner Ecosystem ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาว: เลือกกลยุทธ์ความร่วมมือที่เหมาะสม เช่น เลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด บริษัทคู่ค้ารายสำคัญ หรือผู้ให้บริการติดตั้งระบบที่ให้บริการเพียงอย่างเดียว โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกองค์กร ปัจจัยภายในองค์กร เช่น ความมุ่งหวังขององค์กร ความสามารถที่องค์กรมีอยู่ และขีดความสามารถในการจัดการคู่ค้า ส่วนปัจจัยภายนอก เช่น แพลตฟอร์มของผู้ขายเทคโนโลยี และความสามารถในการใช้งานร่วมกับโซลูชั่นสำคัญๆ
- สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น: ออกแบบสถาปัตยกรรมระหว่างองค์กร (Enterprise-to-Enterprise หรือ E2E) เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมุ่งเน้นการตัดสินใจ 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพและปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น, ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ E2E แบบอัจฉริยะ, แพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) แบบอเนกประสงค์ และระบบวางแผนด้านทรัพยากรและการผลิตแบบครบวงจร
- รองรับการปรับเปลี่ยนอย่างยั่งยืน: ติดตั้งเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับองค์กร รวมถึงกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โครงสร้างองค์กร ความสามารถและดัชนีชี้วัด และการปรับเปลี่ยนกระบวนการโดยมุ่งเน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับเครื่องจักร และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ท้ายที่สุดแล้ว การใช้แนวทางเชิงทดลองที่มีโครงสร้างชัดเจนสำหรับการปรับเปลี่ยนด้าน 4IR ไม่ใช่ภารกิจที่จะทำได้โดยลำพัง พันธมิตรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการ (OT) ในระบบนิเวศน์ด้านการผลิตของอาเซียน รวมถึงภาครัฐ ล้วนมีบทบาทสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น:
- รัฐบาลจะต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความสามารถและทักษะที่เฉพาะเจาะจงด้านการผลิต ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมในด้านการผลิต
- ผู้ผลิตจะต้องรีบลงมือดำเนินการในทันทีเพื่อเริ่มการเปลี่ยนผ่านสู่ 4IR
- ผู้จัดหาโซลูชั่นและเทคโนโลยีจะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญ รวมทั้งให้ความรู้แก่ตลาดเกี่ยวกับความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน และพูดคุยเรื่องการตัดสินใจที่สำคัญๆ ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยนำเสนอแนวทางการใช้งานจริงที่เป็นรูปธรรม
- ผู้จัดหาแอพพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มด้านการผลิตจะต้องเสริมสร้างคุณประโยชน์ ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรที่รองรับการใช้งานร่วมกัน
- ผู้จัดหาแอพพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มด้านไอทีสำหรับองค์กรจะต้องมุ่งเน้นเรื่องความยืดหยุ่น และใช้ประโยชน์จากระบบ ERP เพื่อขยายไปสู่ตลาดเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการ (OT)
- ผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการควรจะผสานรวมธุรกิจส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน และเพิ่มโอกาสในขยายธุรกิจไปสู่บริการเสริมที่มีมูลค่าสูงกว่า
โครงสร้างพื้นฐาน ที่แข็งแกร่งและเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพให้แก่องค์กรก็มีส่วนสําคัญในการเร่งการปรับใช้เทคโนโลยี 4IR ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนสําหรับการพัฒนาสู่ยุคสมัยของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ตอนนี้ถึงเวลา แล้วที่ผู้ผลิตในอาเซียนจะต้องไขว่คว้าโอกาสครั้งสําคัญในการพัฒนาสู่ระบบการผลิตดิจิทัล และก้าวเข้า สู่เวทีโลก การดําเนินการดังกล่าวนอกจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตของอาเซียนซึ่งคาดว่าจะ เติบโตสองเท่าจนมีมูลค่าเกือบ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในการผลิต 35 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2571 อีกด้วย