10 เรื่องจริงที่นักวิทยาศาสตร์ด้าน Climate Change อยากให้คุณรู้ | Techsauce

10 เรื่องจริงที่นักวิทยาศาสตร์ด้าน Climate Change อยากให้คุณรู้

COP27 ผ่านไปแล้ว แต่ภาวะโลกรวน…ปล่อยผ่านโดยไม่ทำอะไรเลย ไม่ได้จริงๆ มาดู 10 ข้อมูลเชิงลึกผ่านวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศที่ Future Earth, Earth League และ World Climate Research Program เป็นผู้จัดทำรายงาน โดยมุ่งเน้นไปที่ ‘ผลกระทบทางสังคม’ จากการที่อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น

Climate Change

"การค้นพบล่าสุดยืนยันว่า ‘ต้นทุนทางสังคมกำลังเพิ่มขึ้น’ จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนอย่างรุนแรงแบบสุดขั้ว กับความจำเป็นเร่งด่วนในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกินขีดจำกัดในการปรับตัวและข้ามไปสู่จุดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก" ศาสตราจารย์ Johan Rockström ประธานร่วมของ Earth League กล่าว

10 เรื่องที่วิทยาศาสตร์บอกเราเกี่ยวกับ Climate Change

เรื่องที่ 1 การตั้งคำถามเกี่ยวกับการปรับตัวจะไม่มีจุดสิ้นสุด

ศักยภาพในการปรับตัวของมนุษย์ต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนั้น ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด และขณะนี้ ทั้งผู้คนและระบบนิเวศต่างๆ บนโลกก็กำลังเผชิญกับข้อจำกัดในการปรับตัว เพราะหากโลกมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศา หรือไปถึง 2 องศา คาดว่าจะเกินขีดจำกัดที่มนุษย์จะสามารถปรับตัวได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ‘ความพยายามในการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด’ จึงไม่สามารถแทนที่การลดการปล่อยคาร์บอนที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงได้

เรื่องที่ 2 คลัสเตอร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง กระจุกตัวอยู่ใน ‘ภูมิภาคที่แบกรับความเสี่ยง'

จุดที่มีความเปราะบางต่อสภาวะโลกร้อน คือ พื้นที่ที่มีความอ่อนไหวสูงสุดเมื่อได้รับผลกระทบในทางลบจากการที่สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เช่น ในอเมริกากลาง, ซาเฮล (ในแอฟริกาเหนือ), แอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก, ตะวันออกกลาง และข้ามไปยังภูมิภาคเอเชียด้วย ที่สำคัญ  คลัสเตอร์ดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 1.6 พันล้านคน และในรายงานคาดการณ์ว่า ผู้อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอาจเพิ่มจำนวนเป็น 2 เท่า ภายในปี 2050


                              pastedGraphic.png

เรื่องที่ 3 ภัยคุกคามใหม่จากปัญหาสภาพอากาศ คือตัวการร้ายทำลายสุขภาพ 

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ รวมถึงระบบนิเวศทั้งหมด โดย ‘ความร้อนที่เพิ่มขึ้น’ สัมพันธ์กับ ‘ความเป็นความตาย’ ไม่ว่าจะเป็น  ไฟป่า ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราได้ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดของโรคติดเชื้อ ก็เกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเช่นกัน

เรื่องที่ 4 จะมีการเคลื่อนย้ายเพื่อเลี่ยงการเผชิญปัญหาสภาพภูมิอากาศ 

ความถี่และความหนักหน่วงที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะส่งผลกระทบอย่างช้าๆ ทำให้เกิด การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานโดยไม่สมัครใจ ผลกระทบนี้อาจทำให้หลายคนไม่สามารถปรับตัวได้ ดังนั้น การเตรียมการล่วงหน้าเพื่อช่วยเรื่องการย้ายถิ่นฐานจากปัญหาด้านสภาพอากาศ และบรรเทาปัญหาการถูกขับออกจากพื้นที่จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในภาวะโลกรวน

เรื่องที่ 5 เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของมนุษย์ ต้องมี ‘ความมั่นคงทางสภาพภูมิอากาศ’ 

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้ ความมั่นคงปลอดภัยของมนุษย์ (อันเกิดจากธรรมาภิบาล สภาวะทางเศรษฐกิจและสังคม) เปราะบางลงกว่าเดิม และสามารถนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงได้ เช่น ประชากรโลกในบางพื้นที่อาจขาดแคลนอาหารและน้ำสะอาดเพราะอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกได้ จึงอาจเกิดสงครามแย่งชิงทรัพยากรในอนาคต

เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต จึงต้องอาศัยกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ ทันกาล และทันต่อการปรับตัว โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ทำวิจัยด้าน Climate Change ระบุว่า ต้องปรับปรุงการเข้าถึงอาหารและน้ำ และต้องลดความตึงเครียดในสังคมโลก ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อลดภัยคุกคามที่จะตามมาจากภาวะโลกร้อน 

เรื่องที่ 6 ‘การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน’ สำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศ

การเพิ่มผลผลิตผ่านการทำเกษตรยั่งยืนอย่างจริงจังโดย การจัดการที่ดินแบบบูรณาการ เป็นวิธีที่ควรนำมาใช้แทนการขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังพื้นที่ธรรมชาติ ร่วมกับการเตรียมโซลูชันส์ด้านสภาพอากาศ, ความมั่นคงทางอาหาร และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ อย่างไรก็ตาม ขณะที่โลกยังคงร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแนวทางการใช้ที่ดินสามารถสร้างประโยชน์ได้หลายข้อ เช่น ป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่า ปกป้องผืนป่าดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไป


              pastedGraphic_1.png

เรื่องที่ 7 แนวปฏิบัติทางการเงินที่ยั่งยืนของภาคเอกชน ไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงลึกได้

แนวปฏิบัติทางการเงินของภาคเอกชน ส่วนมากผ่านการออกแบบให้สอดคล้องกับโมเดลธุรกิจ มากกว่าที่จะใช้เงินเพื่อสร้างความเปลี่ยนด้านสภาพอากาศอย่างแท้จริง ภาคเอกชนจึงต้องนำนโยบายด้านสภาพอากาศไปดำเนินการอย่างจริงจัง ส่งเสริมให้มีการใช้มาตรการอย่างเข้มข้น เช่น ราคาและภาษีคาร์บอน มาตรฐานราคาขั้นต่ำ มาตรการสนับสนุนโซลูชันเพื่อการลดคาร์บอน ซึ่งมาตรการเหล่านี้สำคัญมากต่อการสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจในการจัดสรรเงินทุนไปสู่การแก้ปัญหาด้านสภาพอากาศ 


             pastedGraphic_2.png

เรื่องที่ 8 ความสูญเสียและความเสียหาย เรื่องเร่งด่วนที่โลกไม่อาจเลี่ยง

แม้ว่า ความสูญเสียและความเสียหาย (Losses and damages : l&d) จะคำนวณเป็นเม็ดเงินได้ แต่ก็ยังมีความสูญเสียและความเสียหายที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินอีกมาก แต่เนื่องจากความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นนับจากนี้อย่างมีนัยสำคัญ การประชุม COP27 

จึงมีการถกเถียงในประเด็นสำคัญ ประเทศพัฒนาแล้วจะจ่ายค่าชดเชยให้ประเทศที่เหลืออย่างไร เพื่อช่วยให้ประเทศเหล่านั้นปรับตัวและอยู่รอดได้ในภาวะโลกรวน ซึ่งแนวทางช่วยเหลือก็คือ นอกจากประเทศพัฒนาแล้ว (หรือประเทศร่ำรวย) จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ประเทศที่เหลือ ผู้นำหรือผู้มีบทบาทในการตัดสินใจ ทั้งในระดับนานาชาติ ระดับประเทศ ระดับท้องถิ่น ยังต้องประสานความร่วมมือ สนองตอบนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศร่วมกัน

เรื่องที่ 9 พัฒนา ‘การตัดสินใจร่วมกัน’ เพื่อสู้กับปัญหาด้านสภาพอากาศ

การพัฒนาที่ยืดหยุ่นต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะมีประสิทธิภาพและนำไปสู่ความยั่งยืนได้ต้องไม่ใช่การตัดสินใจแบบรวมศูนย์ของนักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายอย่างที่ผ่านมา แต่ต้องมาจาก การตัดสินใจร่วมกัน โดยการมีส่วนร่วมและให้อำนาจในการตัดสินใจแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนประชาชนเป็นวงกว้าง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้คนในระดับประเทศไปจนถึงระดับท้องถิ่น  ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และมีความยุติธรรมในสังคมเพิ่มมากขึ้น 

เรื่องที่ 10 ขจัดอุปสรรคเชิงโครงสร้างและแนวทางที่ไม่ได้สร้างความยั่งยืน

แม้มีการให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศตามข้อตกลงปารีส  แต่มีเพียง 18 ประเทศเท่านั้นที่แสดงให้เห็นถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการผลิตและการบริโภคอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี 

จนกระทั่งโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดภัยพิบัติบ่อยครั้งและรุนแรงกว่าเดิม  การลดการปล่อยมลพิษกับการลดผลกระทบจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน แต่ปัญหาใหญ่อยู่ตรงที่ อุปสรรคเชิงโครงสร้างซึ่งมีอยู่หลายด้าน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากระบบเศรษฐกิจที่ทำให้มีการใช้ทรัพยากรในปริมาณมาก

ความก้าวหน้าทางสังคมที่วัดจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และแนวทางนี้ก็ถูกล็อกไว้ เพราะเมื่อมีการใช้ทรัพยากรมาก พฤติกรรมผู้คนมุ่งเน้นไปที่การบริโภค รูปแบบธุรกิจจึงเน้นไปที่การผลิตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง 

ส่งผลให้ให้เศรษฐกิจขยายตัว ซึ่งเมื่อใช้ตัวเลข GDP ที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวชี้วัดการเติบโต จึงสะท้อนได้ว่า การปล่อยคาร์บอนยังคงดำเนินต่อไป  กอปรกับนโยบายด้านสภาพอากาศที่คลุมเครือ ขาดการดำเนินมาตรการอย่างจริงจัง ยิ่งทำให้การบรรลุเป้าหมายเรื่องลดการปล่อยคาร์บอนเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

กลยุทธ์ที่ใช้ลดผลกระทบจากปัญหาสภาพอากาศในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศา อย่างไรก็ตาม หากต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสามารถทำได้โดย ‘ขจัดอุปสรรคเชิงโครงสร้างซึ่งเกิดจากโมเดลเศรษฐกิจที่ใช้ทรัพยากรมากในปัจจุบัน’ กับ ‘ขจัดแนวทางที่ไม่เอื้อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อย่างการได้รับผลประโยชน์ร่วมจากการรักษาสภาพการณ์ต่างๆ ให้คงรูปแบบเดิมไว้’ (เช่น เมื่อภาคอุตสาหกรรมผลิตพลังงานที่ได้จากเชื้อเพลิงฟอสซิลและส่งให้ชุมชนใช้ด้วย  ชุมชนได้ประโยชน์จึงไม่ต่อต้านการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล)  

สุดท้ายแล้ว การดำเนินมาตรการและนโยบายด้านสภาพอากาศของประเทศต่างๆ ยังตามหลังเป้าหมายอยู่มาก และหากทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปอย่างในปัจจุบัน ความต้องการบรรลุเป้าหมายที่จะลดความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศก็ยิ่งห่างไกลออกไป และโลกอาจมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นถึง 2.7 องศา หรือมากกว่านั้น

อ้างอิง

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Willow ชิปควอนตัมจาก Google แรงทะลุจักรวาล ประมวลผลเรื่องยากได้ในเวลา 5 นาที เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ล้านล้านเท่า

Willow คือชื่อชิปควอนตัมใหม่ที่ Google พัฒนาสำเร็จ โดยแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในเทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวติ้ง ชิปตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป้าหมายในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้เร็ว...

Responsive image

ไทยตื่นตัวเซมิคอนดักเตอร์ ปิดดีลไปแล้วกว่า 22,000 ล้าน ภายในระยะเวลา 4 เดือนก่อนสิ้นปี

ไทยก้าวสู่ยุคเซมิคอนดักเตอร์เต็มตัว! 4 เดือนก่อนสิ้นปี ปิดดีลลงทุนไปกว่า 22,000 ล้านบาท เสริมฐานการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมผลักดันบุคลากรสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต...

Responsive image

ลิซ่า ซู จาก AMD คว้า CEO แห่งปี 2024 จากนิตยสาร TIME

ลิซ่า ซู ซีอีโอ AMD ได้รับเลือกให้เป็นซีอีโอแห่งปี 2024 จากนิตยสาร TIME โดยได้รับการยกย่องในวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำที่สามารถพลิกฟื้น AMD จากการเกือบล้มละลายเมื่อ 10 ปีก่อน กลายเ...