CloudCommerce (คลาวด์คอมเมิร์ซ) สตาร์ตอัพจากโครงการ ดีเเทคแอคเซอเลอเรท batch 4 ที่ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซครบวงจรสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขายสินค้าไปต่างประเทศ ประกาศความร่วมมือ กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เเละ ธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมเจาะกลุ่มลูกค้า SME หลังจากได้รับเงินลงทุนในรอบ Seed จาก 3 กองทุนเเนวหน้าอย่าง ดีแทค แอคเซอเลอเรท ไอโอไอซี (Intania Open Innovation Club) เเละ500 Tuk Tuks พร้อมตั้งเป้าภายในปีนี้จะมีผู้ใช้กว่า 20,000 ราย
นายวุฒินันท์ สังข์อ่อง ผู้ก่อตั้ง คลาวด์คอมเมิร์ซ เผยว่า “ผมมั่นใจว่าคลาวด์คอมเมิร์ซ จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีได้มีโอกาสเติบโตในตลาดต่างประเทศได้ โดยฟีเจอร์หลักของคลาวด์คอมเมิร์ซคือการมีระบบเชื่อมต่อข้อมูลสินค้าของเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่ตลาดออนไลน์ทั่วโลก ทำให้การเข้าสู่ตลาดเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับระบบโลจิสติกส์ที่จะช่วยในการลดต้นทุน ลดเวลาในการส่ง เพิ่มโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจให้ลูกค้าอย่างก้าวกระโดด
และด้วยแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ของเราอย่าง FastShip ที่ได้รับผลตอบรับดีมากทั้งที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อต้นปีที่แล้ว ในขณะนี้ก็มีผู้ใช้กว่า 5,000 ราย ในแง่ของการเติบโต ก็มียอดการเติบโตต่อเนื่องทุกเดือน ส่วนในภาพใหญ่ของบริษัทคลาวด์คอมเมิร์ซ ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ว่าเราจะมีผู้ใช้บริการ 20,000 ราย สืบเนื่องจากการเป็นพันธมิตรกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เเละธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศและที่มีฐานลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก”
CloudCommerce ได้รับเงินลงทุนจากกองทุนชั้นนำของเมืองไทย ในรอบ Seed อย่างดีเเทค แอคเซอเลอเรท ไอโอไอซี เเละ 500 Tuk Tuks เพื่อพัฒนาระบบนอกจากนี้ทางบริษัทยังร่วมประกาศเป็นพันธมิตรกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มีกลุ่มอุตสาหกรรมในเครือข่ายกว่า 40 กลุ่มครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย
นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
“ในยุคเศรษฐกิจดิจิตอล 4.0 ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิต และการดำเนินธุรกิจ สภาอุตสาหกรรมฯจึงให้ความสนใจกับการเป็นพันธมิตรกับ เทค สตาร์ตอัพ ในการช่วยพัฒนาศักยภาพของสมาชิกในสภาฯ ที่เป็นผู้บริหารโรงงานการผลิตกว่า 10,000 ราย ในส่วนบริษัท CloudCommerce จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจใน 17 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอะไหล่ยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับ ให้สามารถนำเทคโนโลยีสร้างเสริมรายได้จากตลาดต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น”
อีกทั้ง CloudCommerce ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อต่อยอดในการให้บริการไปยังกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีของธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ
นายมนูญ ทองคำ Sector Head : SME , Auto Parts & Logistic สาย SME Relationship Management & New Business 1 ลูกค้า SME ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ธนาคารมีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต และพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปสู่เวทีต่างประเทศ โดยธนาคารพร้อมที่จะเข้ามาสนับสนุนทางด้านการเงิน ทั้งวงเงินสินเชื่อภายในประเทศ สินเชื่อต่างประเทศ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ Non-Credit ต่างๆ เพื่อเพิ่มความพร้อมทางด้านเงินทุน รวมถึงการมอบองค์ความรู้ในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามปัจจุบันการค้าขายบนระบบออนไลน์ (อีคอมมเมิร์ซ) เป็นอีกช่องทางสำคัญที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถขายสินค้าให้กับลูกค้าทั่วโลก ธนาคารไทยพาณิชย์จึงร่วมเป็นพันธมิตรกับ CloudCommerce เทคสตาร์ทอัพช่วยให้ลูกค้าของธนาคารสามารถขยายตลาดและปั้นแบรนด์ของตัวเองออกสู่ตลาดต่างแดนได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่านแพลตฟอร์มของ CloudCommerce ที่เชื่อว่าจะช่วยตอบโจทย์ให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ธนาคารยังมี SCB Business Center ศูนย์บริการลูกค้าเอสเอ็มอีที่จะช่วยให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกด้านสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอี อีกทั้งกูรูที่จะคอยให้คำปรึกษา ตลอดจนห้องประชุมและพื้นที่จัดสัมมนาที่เปิดให้บริการสำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี”
นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวว่า
“จากข้อมูล Techsauce ประเทศไทย ในปี 2560 ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ทำรายได้กว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ และคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 14.5% ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมียอดขายอยู่ที่ 5.8 พันล้านเหรียญในปี 2565 และคาดว่าจะเติบโตถึง 11.1 พันล้านเหรียญในปี 2568 ได้ โดยกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในตลาดขณะนี้ คือ กลุ่มอิเลคทรอนิคส์และสื่อ ที่มีมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านเหรียญ
ซึ่งตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งในภูมิภาคและในไทย มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก เนื่องจากการเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลก อาทิ Alibaba, Amazon เป็นปัจจัยกระตุ้นหลัก ซึ่งจากสถิติดังกล่าวจะเห็นได้ชัดเจนว่า ตลาดมีศักยภาพจะโตได้อีก 3-4 เท่าในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า ผมอยากให้สตาร์ตอัพมองถึงโอกาสในการเติบโตไปพร้อมกับตลาดเช่นกัน ซึ่งใน ห่วงโซ่ในการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการ จนถึงมือผู้บริโภคทั้งหมดของอุตสาหกรรม ยังขาดบริการที่จำเป็น หรือมีรูรั่ว ที่ต้องการผู้ให้บริการมาช่วยเติมเต็มอีกมาก เช่น โลจิสติกส์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั้ง และเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโต บริการคลังสินค้าออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มความประทับใจในสินค้า
โดยทาง CloudCommerce และ Fastship.co เป็นสตาร์ตอัพ ที่เติบโตขึ้น 150 % จนปัจจุบันมี traction ผ่าน platform ไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท ทั้ง 2 สตาร์ตอัพเป็นจิกซอว์ ที่สำคัญในอีคอมเมิร์ซอีโคซีสเต็ม โดยเป็นทั้งเครื่องมือที่สำคัญของอีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ตามลำดับ และที่สำคัญตัว ผู้ก่อตั้งเองคือคุณวุฒินันท์ที่อยู่ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มาเกินกว่า 15 ปีประกอบกับทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในสายอีคอมเมิร์ซมาตลอด ทำให้เราเชื่อมั่นในตัว คุณวุฒินันท์ และ CloudCommerce มาตั้งแต่ต้น ในฐานะผู้ดูแลดีแทค แอคเซอเลอเรทมาทุกทีม ผมดีใจที่ได้เห็น CloudCommerce เติบโตขึ้นอย่างมากจนได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนอย่าง 500TukTuks กองทุนของทางจุฬา และพันธมิตร ระดับโลกอีกมากมายครับ”
นายวุฒินันท์ สังข์อ่อง กล่าวเสริมว่า “ทางบริษัทยังมีโปรเจคความร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญทางธุรกิจที่จะสามารถเข้ามาช่วยผลักดันผู้ประกอบการไทยให้ขายสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศได้ เเละทางบริษัทก็จะมีการจัดกิจกรรมร่วมกับพาร์ทเนอร์สำคัญอื่นๆในอนาคต”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด