จาก เราไม่ทิ้งกัน สู่ เราชนะ ตั้งแต่เกิดวิกฤต COVID-19 รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ เยียวยาอะไรมาแล้วบ้าง | Techsauce

จาก เราไม่ทิ้งกัน สู่ เราชนะ ตั้งแต่เกิดวิกฤต COVID-19 รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ เยียวยาอะไรมาแล้วบ้าง


นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2562ก็ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ ความหวังเดียวของประชาชนคือรัฐบาลที่ไม่เพียงต้องออกมาตรการเพื่อจัดการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไม่ให้แพร่กระจายเพิ่มขึ้นภายในประเทศเท่านั้น แต่รัฐบาลยังต้องมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับกระทบจาก COVID-19 ออกมาอย่างต่อเนื่อง และวันนี้ทาง Techsauce จะขอรวบรวมโครงการรวมถึงแอปพลิเคชั่นของทางภาครัฐตั้งแต่  เราไม่ทิ้งกัน สู่  เราชนะ 


1. โครงการ เราไม่ทิ้งกัน 

มาตรการเยียวยาลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ นอกระบบประกันสังคม ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยได้รับเงินสนับสนุนรายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com 

2. โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน 

เป็นโครงการที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวหลังได้รับผลกระทบจาก COVID-19  ซึ่งโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เป็นการเปลี่ยนชื่อใหม่จากการรวมโครงการ เราไปเที่ยวกัน และ เที่ยวปันสุข ให้อยู่ภายในโครงการเดียว โดยมีระยะเวลาโครงการ 4 เดือน นับตั้งแต่ 1 กรกฎาคม - 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งมี 3 รายการย่อย ได้แก่

สิทธิที่ 1 ส่วนลดค่าที่ 40% สุงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน

สิทธิที่ 2  รับคูปองมูลค่าสูงสุด 900 บาทต่อวัน เพื่อใช่เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยชำระเพียง 60% อีก 40% จะตัดจากคูปอง

สิทธิที่ 3 คืนตั๋วค่าเครื่องบิน 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อผู้โดยสาร(เฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่กำหนด) จำกัดห้องพักละ 2 ที่นั่งตามจำนวนที่เข้าพักจริง แต่รวมไม่เกิน 30 ที่นั่ง 

3. โครงการ คนละครึ่ง 

เป็นโครงการที่รัฐบาลช่วยผู้ซื้อจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่มและสินค้า 50% ของราคาสินค้านั้นๆจากร้านที่เข้าร่วม ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะต้องไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิ์โครงการ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้โครงการคนละครึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส ดังนี้ 

เฟสที่ 1 ตั้งเป้ามีผู้ลงทะเบียน 10 ล้านราย และรับเงิน 3,000 บาทต่อราย ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ไม่เกินวันละ 150 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 63 ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2563 

เฟสที่2 ได้เปิดลงทะเบียนเพิ่มเติมอีก 5 ล้านราย ในวันที่ 16 ธันวาคม2563 โดยรอบนี้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะได้รับเงิน 3,500 บาทต่อราย ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟสแรกไปแล้ว 10 ล้านคน สามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ได้เช่นกัน ด้วยการกดปุ่นยืนยันสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ในวันที่ 16 ธันวาคม63โดยยอดเงินที่ใช้จ่ายในเฟสแรก หากยังมีวงเงินเหลือ ระบบจะสมทบยอดคงเหลือไปในเฟส 2 ทันที 

4. โครงการ ชิม ช็อป ใช้

เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งมีจุดประสงค์หลักคือส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า g-Wallet โดยการแจกเงิน 1,000 บาทให้ประชาชนจำนวน 10 ล้านคนแรกที่เข้ามาลงทะเบียนในเว็บไซต์ ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ คือ

1. เป็นบุคคลสัญชาติไทยและมีบัตรประจำตัวประชาชน

2. อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ

3. มีอีเมลเป็นของตัวเองและมีสมาร์ทโฟนที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

สำหรับบุคคลที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้เต็มๆ คือกลุ่มผู้ประกอบการและร้านค้าที่เข้าร่วมในโครงการนี้ ซึ่งมีจำนวนถึง 150,000 ราย มีทั้งร้านค้าประเภทชิม ร้านค้าสำหรับนักช้อป ร้านธงฟ้าราคาประหยัด และธุรกิจโรงแรม 

5.โครงการ  ช็อปดีมีคืน 

เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยจะต้องซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษี VAT เท่านั้น และสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษี ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน โดยผู้เสียภาษีแต่ละคนจะได้รับสิทธิ "ลดหย่อนภาษี" จากการ "ช้อปดีมีคืน" ไม่เท่ากัน

สำหรับมาตราการดังกล่าวเป็นการซื้อสินค้าที่เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2563  ที่จะต้องยื่นภาษีช่วง 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2564 

6.โครงการ กำลังใจ

ป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อกลุ่มเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการเเนวหน้าที่ช่วยป้องกันการเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทย อาทิ  กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ทั้งหมด 1.2 ล้านคนโดยจะได้รับสิทธิเเพ็คเกจเที่ยวฟรีกับบริษัทนําเที่ยวที่เข้าร่วมกับโครงการรัฐที่ต้องไม่ต่ำกว่า 2 วัน 1 คืน ซึ่งรัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ 2,000 บาทต่อคน  

7. แอปพลิเคชั่น เป๋าตังค์ 

ทั้งนี้มาตรการเยียวยาต่างๆของภาครัฐจะไม่สามารถแจกจ่ายเงินให้แก่ประชาชนได้อย่างเป็นระบบหากขาดแอปพลิเคชั่นที่เป็นตัวกลางในการรับเงินในโครงการต่างๆอย่าง แอปฯ เป๋าตัง ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นกระเป๋าเงินออนไลน์ หรือ E-wallet ของธนาคารกรุงไทย ที่ทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในยุค 4.0   และถึงแม้ผู้ใดไม่มีบัญชีธนาคารกรุงไทย ก็สามารถที่จะสมัครใช้งานแอปฯได้ แต่จำเป็นต้องยืนยันตัวตนเหมือนกับกระเป๋าเงินออนไลน์เจ้าอื่นๆ เช่น True Money Wallet, Rabbit Line Pay, AirPay โดยผู้ใช้งานสามารถเติมเงิน หรือถอนเงินได้

8. แอปพลิเคชั่น หมอชนะ 

เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้นระหว่าง “ทีมพัฒนาร่วมประชาชน เอกชนและภาครัฐ” นำโดยกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ ภายใต้ชื่อ “Code for Public” และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ และการวิเคราะห์ข้อมูลภายใต้ชื่อ “กลุ่มช่วยกัน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสถาบันการศึกษา เครือข่ายโรงพยาบาลและองค์กรสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรธุรกิจจำนวนมาก เพื่อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโลกโควิด-19 โดยจะบันทึกข้อมูลการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆของผู้ใช้งานด้วย GPS กับ Bluetooth โดยการเก็บข้อมูลถูกพัฒนาให้มีความปลอดภัยสูง ไม่สามารถทราบได้ว่าใครเดินทางไปที่ไหน แต่จะทราบว่าอุปกรณ์ที่มีแอปฯอยู่นี้ มีการเข้าใกล้กับอุปกรณ์ของผู้ที่มีความเสี่ยงหรือไม่ หรือมีการไปยังสถานที่เสี่ยงมาในช่วงเวลาที่ผู้ติดเชื้อไปยังสถานที่นั้นๆหรือไม่ 

9. แอปพลิเคชั่นไทยชนะ

ไทยชนะ หรือ www.ไทยชนะ.com สร้างขึ้นมาเพื่อติดตามความเสี่ยงจากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการล็อกดาวน์ครั้งที่ผ่านมา โดยประชาชนสามารถที่จะแสกน QR Code เพื่อเช็กอินและเช็กเอาท์ตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้ไปมา โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดเก็บและสามารถที่จะย้อนกลับไปตรวจสอบย้อนหลัง เมื่อพบเจอผู้ติดเชื้อ COVID-19 และสามารถที่จะแจ้งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงผ่าน SMS หรือทางโทรศัพท์ เพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงนั้นสามารถที่จะเข้ารับการตรวจได้ทันที

10. โครงการ เราชนะ 

เป็นมาตรการล่าสุดที่รัฐบาลจะใช้สำหรับพิจารณาให้เงินเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยจะแจกเงินคนละ 3,500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 29 เดือนมกราคม 2564 ผ่าน www.เราชนะ.com และจ่ายเงินเร็วที่สุดปลายเดือนมกราคมนี้ หรืออย่างช้าสุดต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งการแจกเงินโครงการเราชนะ เป็นการแจกเงินผ่านระบบ แทนเงินสด โครงการนี้มีกรอบวงเงินโครงการ 210.20 ล้านบาท ระยะโครงการประมาณ 5 เดือน นับตั้งแต่ มกราคม-พฤษภาคม 2564 โดยมีกลุ่มเป้าหมายร่วมโครงการนี้ทั้งสิ้น 31.1 ล้านคน สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ในการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาในครั้งนี้ประกอบด้วย

1.ผู้ที่ไม่อยู่ในในระบบประกันสังคม ตามมาตรา 33

2.ผู้ที่ไม่เป็นลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ และราชการ

3.ไม่เป็นข้าราชการการเมือง หรือข้าราชการบำนาญ

4.ไม่เป็นผู้มีอาชีพอิสระที่มีรายได้สูงเกิน300,000 บาท ต่อ

5.ไม่มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันมากกว่า 500,000 บาท





ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

OpenAI เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT วิเคราะห์-โต้ตอบวิดีโอได้แบบเรียลไทม์

OpenAI อัปเดทความสามารถ ChatGPT บนโหมดสนทนาด้วยเสียงหรือ Advanced Voice Mode สามารถวิเคราะห์และโต้ตอบจากวิดีโอได้แบบเรียลไทม์ นับเป็นการเปิดตัวฟีเจอร์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ในแคมเปญ...

Responsive image

Microsoft เปิดตัว Phi-4 โมเดล AI รุ่นใหม่ เน้นแก้โจทย์คณิตศาสตร์

Phi-4 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Small Language Model (SLM) มีขนาด 14 พันล้านพารามิเตอร์ ซึ่งเล็กกว่าโมเดลภาษาขนาดใหญ่อย่าง GPT-4 แต่ยังคงความรวดเร็วและต้นทุนการประมวลผลที่ต่ำกว่า และพร้...

Responsive image

เคอีเอ็กซ์ประกาศ การลาออกของซีอีโอ พร้อมตั้งผู้บริหารร่วม (Co-CEO) รับช่วงต่อ

บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือแจ้งการลาออกจากตำแหน่งประธ...