ซีพีเปิดตัว “CoE” ศูนย์นวัตกรรมแห่งใหม่ รวม Biotech และ AI หวังเปลี่ยนไทย จาก 'ผู้ใช้' เป็น 'ผู้สร้างนวัตกรรม'

ตอนนี้โลกเปลี่ยนเร็วมาก การจะแข่งขันกับใครได้ ไม่ได้วัดกันที่บริษัทใหญ่หรือเล็ก แต่ดูกันที่ว่าใครมีเทคโนโลยีเจ๋งๆ และมีคนเก่งอยู่ในมือต่างหาก ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ CP Group ประกาศตัวเป็น Tech-Driven Company และเปิดตัวศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่ชื่อว่า “CP-Center of Excellence (CP-CoE)” ที่ True Digital Park ซึ่งศูนย์นี้ไม่ได้เป็นแค่ห้องแล็บธรรมดา แต่คือความตั้งใจของซีพีที่จะเปลี่ยนประเทศไทยจาก "ผู้ใช้เทคโนโลยี" ให้กลายเป็น "ผู้สร้างเทคโนโลยี" กับเขาบ้าง ซึ่งบทความนี้จะพาไปดูกันว่า CoE คืออะไร, สร้างขึ้นมาทำไม และมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ผ่านมุมมองของผู้บริหาร 3 ท่านที่เป็นหัวเรือใหญ่ของโปรเจกต์นี้

CP-CoE คืออะไร ? 

ดร. ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ผู้บริหารของซีพีที่เป็นคนต้นคิดโปรเจกต์นี้ เล่าให้ฟังว่าหัวใจสำคัญของยุคนี้มีแค่ 2 อย่างคือ "เทคโนโลยีกับคน" และศูนย์ CoE ก็คือการจับเอาสองอย่างนี้มารวมกัน

ที่ผ่านมาศูนย์วิจัยมักจะอยู่หลังบ้านตลอด ทำให้นักวิจัยไม่เคยเจอคนใช้จริง เราเลยตั้งใจให้ CoE เป็นที่ที่ลูกค้าเดินเข้ามาเจอได้เลย เป็นการทลายกำแพงเพื่อให้นักวิจัยรู้รู้ปัญหาจริงๆ และแก้ได้ตรงจุดมากขึ้น - ดร. ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ กล่าว 

ดร. ธีระพล อธิบายเพิ่มว่า CoE มีหน้าที่หลักๆ 6 อย่าง คือ:

  • วิจัยและพัฒนาของใหม่: มีทั้งโปรเจกต์ที่ทำแล้วเอาไปต่อยอดธุรกิจได้เร็ว และงานวิจัยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คนอื่นยังไม่มี เพื่อสร้างความแตกต่างและนำหน้าคู่แข่ง
  • คิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ: ไม่ใช่แค่สร้างของใหม่ แต่ยังคิดหารูปแบบการให้บริการหรือวิธีการทำธุรกิจที่ไม่เหมือนเดิม เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ในตลาด
  • เปิดรับความร่วมมือจากภายนอก: เป็นพื้นที่กลางที่เปิดกว้างให้สตาร์ทอัพ, นักวิจัย หรือบริษัทอื่นๆ เข้ามาร่วมมือและพัฒนาโปรเจกต์ไปด้วยกัน 
  • เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเก่ง: ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและโปรเจกต์ที่น่าสนใจ ที่นี่จะช่วยดึงดูดคนเก่งๆ จากทั่วโลกให้มาร่วมงาน และชวนคนไทยที่มีความสามารถให้กลับมาทำงานที่บ้านเกิด
  • ยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น: ทำหน้าที่กำหนดและพัฒนามาตรฐานในเรื่องต่างๆ เช่น คุณภาพและความปลอดภัย เพื่อผลักดันให้สินค้าและบริการดีขึ้นอยู่เสมอ
  • ตรวจสอบเพื่อควบคุมคุณภาพ: มีกระบวนการคอยเช็กเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างได้มาตรฐานสูงสุดจริงๆ

หนึ่งในเสาหลักของ CoE คือ Bio-Technology Lab ที่นำโดย CPF ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มาอย่างยาวนาน คุณภัทนีย์ เล็กศรีสมพงษ์ ประธานผู้บริหารวิชาการอาหารสัตว์ของซีพี ได้เล่าว่าซีพีทำเรื่องไบโอเทคมานานแล้ว ตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ไก่ให้ดีที่สุด

จุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อต้องส่งออกไก่ไปยุโรป ซึ่งมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อเร่งการเจริญเติบโต ทำให้ซีพีต้องหาทางเลือกใหม่ๆ จนมาเจอคำตอบใน "Probiotic" หรือจุลินทรีย์ดี ที่ช่วยให้สัตว์แข็งแรงจากภายใน ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของการลงลึกในเรื่องไบโอเทค

คุณหน่อยยังเล่าถึงความตั้งใจของซีพีที่อยากเห็นประเทศไทยก้าวหน้า ถึงขนาดที่เคยบริจาคเครื่องถอดรหัสพันธุกรรม เครื่องแรกของประเทศให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะมองว่า "มันน่าอายที่ประเทศอื่นมีหมดแล้ว แต่ไทยยังไม่มี"

เป้าหมายของแล็บไบโอเทคในวันนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม คือการต่อยอดไปสู่ "อาหารเป็นยา" การศึกษาเรื่องจุลินทรีย์ในลำไส้ที่ส่งผลต่อสมองและสุขภาพโดยรวม ไปจนถึงการพัฒนาเนื้อสัตว์จากเซลล์ เพื่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต

อีกเสาหลักที่ขาดไม่ได้คือ Digital & AI Lab ที่ขับเคลื่อนโดย True ซึ่งคุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกว่า "ยุคนี้ดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด" เทคโนโลยีไม่ได้มาเดี่ยวๆ อีกต่อไป แต่มาเป็นแพ็ก เช่น IoT, 5G, Big Data และ AI ที่ทำงานร่วมกัน  ซึ่งเป้าหมายสำคัญของแล็บนี้คือ "เปลี่ยนประเทศไทยจากผู้ใช้เทคโนโลยี มาเป็นผู้สร้างเทคโนโลยี"

ภายในแล็บเต็มไปด้วยของเล่นล้ำๆ ที่จับต้องได้จริง เช่น:

  • โดรนส่งของ: ที่ทดลองใช้นอกกรุงเทพฯ แล้ว
  • กล้อง AI เช็กสุขภาพ: แค่ยืนหน้ากล้องก็วัดชีพจรและความดันได้ โดยไม่ต้องสัมผัสตัว
  • หุ่นยนต์: ทั้งหุ่นยนต์ตรวจชั้นวางของในร้านค้า หรือหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน
  • AI ผู้ช่วยส่วนตัว : คุณเอกราชได้โชว์ Demo สั่งงาน AI ให้เช็กกล้องที่บ้านหรือเปลี่ยนสีไฟในบ้านด้วยเสียง ซึ่งนี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงกับทุกคน

ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือที่นี่ยังเปิดให้นักพัฒนาสามารถเข้ามาใช้งาน Quantum Computer ผ่านระบบคลาวด์ของ IBM ได้ด้วย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ขั้นสุดยอด ที่จะมาเปลี่ยนโลกในอนาคต

แน่นอนว่า CP-CoE ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อใช้กันเองในเครือซีพี แต่เปิดกว้างให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทระดับโลกอย่าง IBM, Huawei, Tencent มหาวิทยาลัยดังๆ อย่าง จุฬาฯ, มหิดล, เกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานรัฐอย่าง สวทช. รวมแล้วกว่า 30 องค์กร

ดร. ธีระพล ทิ้งท้ายว่า "ศูนย์แห่งนี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญ ที่ดึงดูดคนไทยเก่งๆ ทั่วโลกให้กลับมาทำงานที่บ้านเกิดและร่วมกันสร้างนวัตกรรมดีๆ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและคนไทยทุกคน"

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Google ขยาย Opal สู่ 160 ประเทศ แพลตฟอร์มสร้างมินิแอปแบบ no-code สำหรับทุกคน

Google ขยายบริการ Opal เครื่องมือสร้างแอปด้วย AI แบบ no-code จาก 15 สู่กว่า 160 ประเทศทั่วโลก ให้ทุกคนสร้างแอปได้ง่ายเพียงพิมพ์คำสั่ง...

Responsive image

จับมือเปลี่ยนเกม บทสรุป Energy Forward 2025 รวมพลังผู้นำทุกภาคส่วน มุ่งสู่เป้าหมายพลังงานยั่งยืน

Energy Forward 2025: ถอดรหัสอนาคตธุรกิจ สู่ยุค Greener Enterprises ด้วย AI, Green Hydrogen และกลยุทธ์ ESG...

Responsive image

AI สร้าง 'วิดีโอสอนออนไลน์' ฟรี ล่าสุด NotebookLM อัปเดตใหม่ แค่อัปโหลดไฟล์ข้อมูล รอไม่นาน ก็ได้คลิปการสอนพร้อมภาพและเสียง

Google อัปเกรด NotebookLM จากเครื่องมือสรุปข้อมูลธรรมดา ตอนนี้สามารถทำได้มากขึ้นทั้งสร้างวิดีโอสอน หรือทำรายงานต่าง ๆ ได้...