CRC เปิดตัว C-Verse Immersive Retail Platform เสริมแกร่งค้าปลีกด้วย Generative AI | Techsauce

CRC เปิดตัว C-Verse Immersive Retail Platform เสริมแกร่งค้าปลีกด้วย Generative AI

เซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำผู้นำธุรกิจค้าปลีกอัจฉริยะ เดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ครั้งยิ่งใหญ่บนโลกเสมือนจริงเป็นครั้งแรกของโลก ด้วยการเปิดตัว CRC Immersive Retail Platform ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เสริมแกร่งด้วยการใช้ Generative AI มาสร้างโลกเสมือนที่เชื่อมทุกช่องทางการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย Live Streaming และ Virtual Store ไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ให้ลูกค้าได้ค้นพบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลก รวมถึงทำให้คู่ค้าสามารถขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตอกย้ำเป้าหมายของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันทั้ง Ecosystem มุ่งสู่การเป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer แห่งเอเชีย ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence 

 

ณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจพาณิชย์ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะที่เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำค้าปลีกที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และเป็น First Mover ในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาธุรกิจ และสร้างสรรค์บริการที่ทันสมัย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอยู่เสมอ เรามองเห็นเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงได้วางแผน คิดค้น และสร้างรีเทลแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด ด้วยการเปิดตัว CRC Immersive Retail Platform เป็นครั้งแรกของโลก โดยมี C-Verse เป็นโปรเจกต์ภายใต้ CRC Immersive Retail Platform ที่ลูกค้าจะได้สัมผัสอีกขั้นของประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ที่เหนือกว่าออมนิแชแนลที่เคยมีมา เสมือนการเดินช้อปปิ้งอยู่ในห้างจริง พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำในการนำเสนอสินค้าในรูปแบบใหม่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างเสมือนจริงยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถเลือกหยิบสินค้าจากเชลฟ์ในแบบ 3 มิติ ที่ใช้เพียงปลายนิ้วสัมผัสหมุนดูได้ 360 องศา และสามารถสั่งซื้อสินค้าได้จริงผ่านบริการ Personal Shopper เพิ่มความตื่นเต้นด้วยฟีเจอร์โดดเด่นผ่านเทคโนโลยี Generative AI เช่น การมีผู้ช่วยส่วนตัวเป็น AI Avatar ที่สามารถโต้ตอบ ให้คำแนะนำได้แบบเรียลไทม์ และทำให้การช้อปปิ้งสนุกสนานมากขึ้น สามารถเปิด AR Mode เพื่อเชื่อมการช้อปปิ้งของลูกค้าที่อยู่ต่างแพลตฟอร์มกันระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนให้ร่วมกันช้อปปิ้ง ถ่ายรูป และ Gamification ได้ในเวลาเดียวกัน เป็นต้น”

C-Verse ถือเป็นแอปพลิเคชันที่มีความพิเศษ ซึ่งยังไม่เคยมี Virtual Store ใดในเมืองไทยสร้างประสบการณ์แบบครบวงจรในลักษณะนี้มาก่อน C-Verse จึงนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของเซ็นทรัล รีเทล โดยเริ่มต้นจากท็อปส์ คลับและมีแผนในการขยายไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ภายในเครือ ทั้งกลุ่มสินค้าบิวตี้ และกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตลอดจนห้างสรรพสินค้าในยุโรป อย่างรีนาเชนเต ประเทศอิตาลี เพื่อเชื่อมโยงผู้คนทั้งโลกให้ได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างเหนือระดับจากที่ไหนก็ได้ในโลก และ ทำให้ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล กลายเป็นเดสติเนชันของการใช้ชีวิตในทุกทุกช่องทางทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ โซเชียลมีเดีย Live Streaming และ Virtual Store อย่างไร้รอยต่อตามเป้าหมายสู่การเป็น Next-Gen Omnichannel ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

สำหรับการใช้งาน C-Verse จะเริ่มจากการที่ลูกค้าเดินช้อปปิ้งบนโลกเสมือน ผ่านตัว Avatar ที่ Customize เองได้ และสามารถกดเลือกสินค้าลงตะกร้า ไปจนถึงขั้นตอนการชำระเงิน และจัดส่งถึงบ้านภายใน 1-2 วัน พร้อมด้วย 4 ฟีเจอร์หลัก ซึ่งประกอบไปด้วย

  • ไอคอน Product Highlight อาทิ โซนแคมป์ปิ้ง มีสินค้าให้เลือกชมกว่า 20 รายการ รายละเอียดของสินค้าจะถูกถ่ายทอดโดย ‘พะพราว’ (อินฟลูเอ็นเซอร์เสมือนจริง) เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าใจถึงประโยชน์ของสินค้ามากขึ้น
  • ไอคอน AI Chatbot พบกับ ‘Annie’ ในรูปแบบแชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ ChatGPT พัฒนาขึ้นสำหรับผู้ใช้งานภายใน C-Verse โดยเฉพาะ เพื่อตอบทุกคำถามและข้อสงสัยที่ลูกค้าต้องการ โดยจะปรากฏขึ้นเมื่อผู้ใช้งานกดไอคอน Annie และสามารถถาม-ตอบคำถามได้แบบเรียลไทม์ ให้ลูกค้าได้เพิ่มความตื่นเต้นและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน 
  • ไอคอน Mini Game เกมที่จะมาเพิ่มความสนุกสนานให้กับการใช้งาน ในคอนเซปต์ของการล่าสมบัติ กติกาคือผู้เล่นจะต้องค้นหาและเก็บรวบรวม NFT ที่มีทั้งหมด 6 แบบ เพื่อแลกรับของรางวัลสุดพิเศษ โดยผู้เล่นจะต้องเดินหา NFT ที่จะปรากฏแบบสุ่ม จากทั้ง Virtual mode ซึ่งสามารถใช้งานจากที่ไหนก็ได้ และ AR mode ใช้ได้เฉพาะที่ ท็อปส์ คลับ พระราม 2 เท่านั้น 
  • ไอคอน Photobooth กิจกรรมยอดนิยมอย่างบูธถ่ายภาพเสมือนจริง ให้ผู้ใช้งานได้ถ่ายภาพร่วมกับเพื่อน ครอบครัว หรือ “พะพราว” เพื่อเก็บเป็นที่ระลึกและสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์แชร์ลงโซเชียลมีเดียที่ไม่ซ้ำใครกับมุมที่เป็นเอกลักษณ์ และท่าทางที่ต้องการตามความชอบเพื่อให้ Avatar โพสต์ท่าตาม และยังสามารถถ่ายรูปตัวเรากับอวตารของตัวเองและเพื่อนภายในร้านได้อีกด้วย


นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้ร่วมมือกับ หัวเว่ย คลาวด์ ในการสนับสนุนแอปพลิเคชัน C-Verse ซึ่งรองรับความหลากหลายของเทคโนโลยี ช่วยให้การเชื่อมต่อแพลตฟอร์มระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนเป็นไปอย่างราบรื่นทำให้ระบบและแอปพลิเคชันมีความคล่องตัว ตอบโจทย์การสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับเซ็นทรัล รีเทล ว่า “หัวเว่ย ในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และระบบคลาวด์ระดับโลก เรามีความพร้อมทั้งด้านกลยุทธ์ ด้านการวิจัยและพัฒนา ในการสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรให้สามารถเข้าถึงนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและเชื่อมต่อได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งหัวเว่ยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงประสบการณ์ในระดับโลกมาร่วมสนับสนุนผู้นำค้าปลีกชั้นนำของเอเชียอย่างเซ็นทรัล รีเทล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า”

“CRC Immersive Retail Platform ถือเป็นหนึ่งในผลงานภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence ซึ่งเป็นการทำให้กลยุทธ์เกิดขึ้นได้จริง โดยเรามุ่งมั่นที่จะยกระดับและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ด้วยการนำดิจิทัลโซลูชัน และเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เราจึงมั่นใจว่า C-Verse ซึ่งเป็นโปรเจกต์หนึ่งใน CRC Immersive Retail Platform นี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค และคาดว่าจะมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเกินกว่า 30,000 ดาวน์โหลดภายในสิ้นปีนี้” ณัฐธีรา กล่าวสรุป

ร่วมสัมผัสและค้นพบประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้งบนโลกเสมือนจริง ครั้งแรกในโลกกับ CRC Immersive Retail Platform ผ่าน C-Verse ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ c-verse.io และดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่าน App Store และ Google Play 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Bluebik กางแผนธุรกิจปี 2568 ปักธงผู้นำ AI Transformation ในไทย ตั้งเป้าโต 20% ในปีหน้า

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร ประกาศปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่โดยใช้ AI เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ผ่าน...

Responsive image

NIA จับมือ Business Finland ต่ออายุ MOU พัฒนานวัตกรรม & สตาร์ทอัพ ไทย-ฟินแลนด์อีก 5 ปี

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ Business Finland ได้ต่ออายุบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมอีก 5 ปี...

Responsive image

Meta ทุ่ม 3.45 แสนล้านสร้างสายเคเบิลใต้ทะเล ที่มีระยะทางกว่า 40,000 กิโลเมตร

Meta กำลังวางแผนสร้างสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้ทะเลขนาดใหญ่ที่มีระยะทางกว่า 40,000 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.45 แสนล้านบาท...