Dean & Deluca เดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ (restructure) แยกเป็นฝั่งอเมริกาและเอเชีย หลังเจอ Disruption จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยฝั่งอเมริกาใช้กลยุทธ์ปรับขนาดธุรกิจให้เหมาะสม เน้นสินค้า Prepared Foods และขายออนไลน์มากขึ้น คาดสามารถลดต้นทุนได้ถึง 25% พร้อมตั้งเป้าหยุดขายทุนภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่เอเชียมาถูกทาง วางเกมส์ขายลิขสิทธิ์แบรนด์ สิทธิแฟรนไชส์ขยายสาขา พร้อมร่วมมือพันธมิตร หนุนผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอร์เรชั่น เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ดีน แอนด์ เดลูก้า อิงค์ ซึ่งบริหารร้านสาขาในอเมริกา ได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อให้เข้ากับภาวะตลาดฟู้ดรีเทล ที่ท้าทายและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในอเมริกา โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการปรับขนาดธุรกิจให้เหมาะสม (rightsized) ควบคุมค่าใช้จ่าย และควบรวมการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในสาขาที่ไม่สามารถทำยอดขายและกำไรได้ตามเป้า
ขณะที่สาขาที่สามารถทำยอดขายได้ดี เช่น สาขาSoho ที่เปิดดำเนินการมากว่า 40 ปี และสาขาในคอนเซ็ปท์ใหม่ คือ Stage บริษัทก็จะพัฒนาให้มีศักยภาพในการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ รวมถึงทำให้สามารถสร้างรายได้ให้เติบโตแบบเทิร์นอราวน์ได้ในอนาคต ตั้งเป้าหยุดขาดทุนในสิ้นปี
โดยปัจจุบัน Dean & Deluca สาขาอเมริกา มีผลขาดทุนอยู่เกือบ 40 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการดำเนินงานที่สูงเกินไป ดังนั้นคาดว่าอาจจะต้องลดต้นทุนลงประมาณ 25%
สำหรับสภาวะตลาดรีเทลทั่วโลกรวมถึงอเมริกาในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ตลาด Grocery Store ในอเมริกาเองก็มีการขายอาหาร Prepared Foods หรืออาหารพร้อมทานมากขึ้นและมีพื้นที่ให้นั่งทาน ประกอบกับผู้บริโภคชาวอเมริกันซื้อสินค้า ของใช้ต่างๆ และอาหารออนไลน์มากขึ้นถึง 30%
ซึ่งทำให้ร้านรีเทลต่างๆ ที่มีหน้าร้านหรือ Brick and Mortar Stores จะต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เพื่อให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยปัจจุบัน Dean & Deluca อเมริกา มีจำนวน 5 สาขา จากเดิม 11 สาขา
“บริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาทบทวน และปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจและการดำเนินงานของดีนแอนด์ เดลูก้า อเมริกาครั้งใหญ่ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ลดต้นทุน เพื่อให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ รวมถึงแผนการสร้างแบรนด์และมุ่งเน้นเปิด Franchise ในอเมริกา และทำ online ให้มากขึ้น และบริษัทขอแสดงความเสียใจต่อบริษัทคู่ค้าในอเมริกา พร้อมแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะทยอยแก้ปัญหาให้เสร็จลุล่วงโดยเร็ว” นายสรพจน์ กล่าว
ส่วน ดีน แอนด์ เดลูก้า เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินการร้านสาขาในประเทศไทย และยังดำเนินการให้ลิขสิทธิ์แบรนด์ สิทธิแฟรนไชส์ รวมถึงสิทธิการขายสินค้าในประเทศอื่นๆ ในเอเชียโดย ดีน แอนด์ เดลูก้า เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด สามารถทำยอดขายและสร้างผลตอบแทนให้บริษัทได้เป็นอย่างดี
ในช่วงเดือนมิถุนายน 2018 ถึง เดือน พฤษภาคม 2019 หรือช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ดีน แอนด์ เดลูก้า (ประเทศไทย) สามารถทำรายได้รวมได้ประมาณ 523 ล้านบาท รายได้จากต่างประเทศ 106 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 630 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 - 2018
ขณะที่ล่าสุด การย้ายออกจากสาขาแฟล็กชิป มหานคร คิวบ์ เนื่องจากสัญญาเช่าพื้นที่ได้สิ้นสุดลงและมีการขอคืนพื้นที่ ซึ่งบริษัทเองก็มีแผนที่จะเปิดสาขาแฟล็กชิปใหม่ โดยขณะนี้ อยู่ในระหว่างการคัดเลือกโลเคชั่นของร้านที่ดีที่สุดและสามารถมอบประสบการณ์การทานอาหารเช่นเดียวกันกับที่ลูกค้าชื่นชอบเหมือนที่สาขามหานคร คิวบ์
โดยในปัจจุบัน ดีน แอนด์ เดลูก้า (ประเทศไทย) มีสาขาทั้งหมด 11 สาขา ประกอบด้วย สาขาที่เป็นคาเฟ่และร้านอาหาร อาทิ Central Embassy, Emquartier, The Crystal Ramindra และ สาขาตึกสาทรสแควร์, สาขาตึกออลซีซันเพลส. สาขาตึกพาร์คเวนเจอร์ และสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 5 สาขาภายในปี 2562 โดยแบ่งเป็น 2 สาขาที่ภูเก็ตและอีก 3 สาขาในกรุงเทพฯ
พร้อมกันนี้บริษัทมีการขายแฟรนไชส์ให้กับ SKY19 เพื่อที่จะขยายสาขาไปที่จังหวัดภูเก็ตอีก 2 สาขา ภายในปีนี้ รวมถึงมีแผนที่จะขยายไปยัง กระบี่ พังงา และเกาะสมุยด้วยเช่นกัน และตั้งเป้ามีสาขาทั้งแฟรนไชส์และเปิดเองภายในประเทศครบ 100 สาขา ภายใน3-5 ปี
นอกจากนี้ยังเตียมที่จะขยายสาขาของDean & Deluca ไปประเทศต่าง ๆ ในเอเชียอีกประมาณ 5 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย อิโดนีเซีย และไต้หวัน ภายใน 1-2ปี โดยปัจจุบันมีสาขาของดีน แอนด์ เดลูก้าอยู่ทั้งหมด 77 สาขา 12 ประเทศทั่วโลก จากเดิมที่บริษัทได้ซื้อกิจการมาในปี 2557 มีเพียงแค่ 42 สาขา 6 ประเทศทั่วโลก
“ในส่วนของธุรกิจแฟรนไชส์ ดีน แอนด์ เดลูก้า ยังคงเดินหน้าให้แฟรนไชส์แก่บริษัทที่มีศักยภาพและมีเครือข่ายในเมืองสำคัญทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และในส่วนที่ได้เซ็นสัญญาให้สิทธิแฟรนไชส์ไปแล้ว เช่น กับทางลากาแดร์ ทราเวล รีเทล ก็มีความคืบหน้าเช่นเดียวกัน โดยแผนธุรกิจต่อไปของ ดีน แอนด์ เดลูก้า คือการขยายแบรนด์และต่อยอดความสำเร็จของ ดีน แอนด์ เดลูก้า เอเชีย (ประเทศไทย)
รวมถึงการเดินหน้าให้ธุรกิจแฟรนไชส์ ในเอเชียและทั่วโลกให้มั่นคงและมีประสิทธิภาพ และเดินหน้าปรับขนาดธุรกิจในอเมริกาให้พอเหมาะ (rightsized) เพื่อต่อสู้กับความท้าทาย ตัดค่าใช้จ่าย และหยุดการขาดทุนให้สำเร็จ” นายสรพจน์ กล่าวทิ้งท้าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด