DeepSeek สตาร์ทอัพ AI สัญชาติจีน ที่กำลังมาแรงระดับสากล ประกาศอัปเดต โมเดล AI R1 อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดให้ใช้งานเวอร์ชันล่าสุดผ่านแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สชื่อดังอย่าง Hugging Face ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2025 โดยโมเดลใหม่นี้ยังคงสร้างความน่าสนใจทั้งในแง่ของเทคโนโลยีและกลยุทธ์การปล่อยโมเดลที่ “เปิดเสรี” มากขึ้น

แม้ DeepSeek จะระบุว่าเป็นเพียง “การอัปเกรดทดลองขนาดเล็ก (minor trial upgrade)” แต่จุดเด่นของเวอร์ชันใหม่นี้คือ การเปิดให้ใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างเสรี ภายใต้สัญญาอนุญาต MIT License ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อนักพัฒนาและบริษัทที่ต้องการต่อยอดโมเดล R1 ไปสู่แอปพลิเคชันในโลกจริง
ในหน้า repository บน Hugging Face ยังไม่มีคำอธิบายโมเดลโดยละเอียด มีเพียงไฟล์คอนฟิกและพารามิเตอร์ (weights) โดยเวอร์ชันล่าสุดมีขนาดใหญ่ถึง 685 พันล้านพารามิเตอร์ ซึ่งอาจต้องการฮาร์ดแวร์ระดับสูงเพื่อใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
การเปิดตัวโมเดล R1 ครั้งแรกในเดือนมกราคม 2025 ได้พลิกโฉม DeepSeek จากสตาร์ทอัพโนเนม สู่การเป็น ดาวรุ่ง AI ที่ทั่วโลกจับตามอง ด้วยความสามารถด้าน reasoning ที่เหนือกว่าโมเดลจากตะวันตกหลายตัว และต้นทุนการพัฒนาเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์
โมเดล R1 จุดกระแสการแข่งขัน AI ในจีนให้ร้อนแรงขึ้นทันที บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba, Zhipu AI และอีกหลายราย ต่างเร่งเปิดตัวโมเดลใหม่เพื่อตอบรับมาตรฐานใหม่ที่ DeepSeek สร้างขึ้น
ผู้ก่อตั้ง เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ก็ได้รับความสนใจในระดับชาติอย่างรวดเร็ว โดยได้รับเชิญเข้าร่วมงานสำคัญกับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ร่วมกับผู้นำธุรกิจอย่าง แจ็ค หม่า (Alibaba) และ โพนี หม่า (Tencent) ตอกย้ำบทบาทของ DeepSeek ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI ของจีน
แม้โมเดลจะมีศักยภาพสูง แต่นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า “แค่โมเดลดีพอหรือไม่?” Gary Tan ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอจาก Allspring Global Investments ให้ความเห็นว่า
“การเปิดตัวโมเดลใหม่บ่อยเกินไป อาจทำให้นักลงทุนรู้สึกอิ่มตัว (model fatigue) ตอนนี้พวกเขาเริ่มหันไปสนใจบริษัทที่สามารถนำ AI ไปใช้งานจริง และสร้างแอปพลิเคชันที่เปลี่ยนเกมได้จริง ๆ”
แม้จะได้รับความนิยมในจีน แต่ DeepSeek R1 ก็ถูกจับตาจากหน่วยงานของ สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยแสดงความกังวลว่า เทคโนโลยี AI จากจีนอาจเป็น ภัยต่อความมั่นคงระดับชาติ ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลที่ขยายออกไปไกลกว่าภูมิภาคเอเชีย
ขณะเดียวกัน การอัปเดต R1 ก็เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับการรายงานผลประกอบการของ Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิป AI ชั้นนำ ที่เคยได้รับแรงกดดันจนหุ้นร่วง หลังการเปิดตัว R1 เมื่อต้นปี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Nvidia ฟื้นตัวจากคลื่นลงทุนในศูนย์ข้อมูล AI และความต้องการชิปประมวลผลขั้นสูงที่ยังคงพุ่งสูง
อ้างอิง: Bloomberg, Techcrunch
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด