รายงานฉบับใหม่ของ Deloitte ในชื่อ Generative AI in Asia Pacific: Young employees lead as employers play catch-up เน้นย้ำถึงบทบาทของบุคลากรรุ่นใหม่ที่เกิดและเติบโตในยุคดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยี หรือที่เรียกว่า เจนเนอเรชั่น เอไอ (Generation AI) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทในการผลักดันการนำ Generative AI มาใช้ สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ สำหรับนายจ้างที่จะต้องปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้
รายงานฉบับนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่นายจ้างและผู้กำหนดนโยบายต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยการสำรวจประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจำนวน 11,900 คน พบว่า เจนเนอเรชั่น เอไอ เป็นผู้นำในการนำ Generative AI มาใช้- ซึ่งช่วยลดเวลาในการทำงาน สร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ ช่วยจัดการภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น
คริส ลูวิน AI & Data Capability Leader ของ ดีลอยท์ เอเชียแปซิฟิก ให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ว่า "หนึ่งในแง่มุมที่น่าตื่นเต้นที่สุดของการใช้ Gen AI คือ ทั่วโลกมีการใช้มันในทุกๆที่ กับทุกๆเรื่องสิ่งที่เราได้เจอในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมาคือ ความท้าทายที่ลูกค้าของเราต้องเผชิญในอินโดนีเซียหรืออินเดียนั้น มีความเกี่ยวข้องกับทีมในอิตาลีและไอร์แลนด์เกือบจะในทันที บทเรียนสําคัญประการหนึ่งคือการนํา AI มาใช้ ไม่ได้ส่งผลให้สูญเสียงานโดยตรง แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัว พนักงานของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวเข้าสู่แรงงาน จะถูกดึงดูดไปยังธุรกิจคู่แข่งที่นำเสนอแอปพลิเคชัน AI ที่มีความสามารถออกแบบอนาคตของการทำงานสมัยใหม่ได้"
เพื่อขยายความเกี่ยวกับผลกระทบของ Gen AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Deloitte Access Economics ได้วิเคราะห์ 18 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยพิจารณาจากขอบเขตความรุนแรงของผลกระทบจาก Gen AI และระยะเวลาที่อุตสาหกรรมเหล่านั้นจะได้รับผลกระทบ คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ มูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเผชิญกับสถาณการณ์ "ชนวนสั้น แรงระเบิดรุนแรง" นั่นคือ ได้รับผลกระทบจาก AI อย่างรวดเร็วและรุนแรง
4 อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ การเงิน ไอซีทีและสื่อ บริการวิชาชีพ และการศึกษา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน เฉลี่ย 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจในแต่ละตลาดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก เนื่องจากบางตลาดมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมบริการมากขึ้น เช่น บริการวิชาชีพ การเงิน และไอซีที ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบสูง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเหล่านี้ยังเป็นอุตสาหกรรมที่นักเรียนนักศึกษามากกว่า 40% ที่ใช้ gen AI วางแผนที่ จะเริ่มต้น อาชีพ ซึ่งยิ่งส่งผลเร่งให้อัตราการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น
ความนิยมของ Gen AI ที่เพิ่มมากขึ้น หมายถึงผู้นำธุรกิจและพนักงานทุกคน จำเป็นต้องคิดเชิงกลยุทธ์และลงมือดําเนินการเชิงรุกเพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากการวิเคราะห์ผลการวิจัย มีคำแนะนำให้บริษัทต่างๆ ดำเนินการดังต่อไปนี้
"แทนที่จะใช้ AI เพียงเพื่อทําให้งานปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซีอีโอและผู้นําระดับสูง จําเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทบทวนกระบวนการและรูปแบบธุรกิจของบริษัท ใหม่ทั้งหมด การปรับโครงสร้างของงาน เพื่อให้สามารถใช้ Gen AI จะทําให้พนักงานและลูกค้ามีความสุขมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มผลกําไรอีกด้วย" รอบ ฮิลยาร์ด Consulting Business Leader ดีลอยท์ เอเชียแปซิฟิก กล่าว
ศมกฤต กฤษณามระ Risk Advisory Leader ของ ดีลอยท์ ประเทศไทย ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “"ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการใช้ Generative AI อย่างแพร่หลาย ทั้งในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และพนักงาน มีแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ซึ่งเป็นผลจากการที่มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นี่คือโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาคธุรกิจและภาคการศึกษา แต่การที่ Gen AI ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและรวดเร็วเช่นนี้ ต้องอาศัยวิธีการรับมือเชิงรุก โดยควรกำหนดแนวทางการใช้อย่างรับผิดชอบ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง และช่วยผลักดันให้ภูมิภาคนี้สามารถใช้ประโยชน์จากพลังอันมหาศาลของ Gen AI ได้”
ท่านสามารถดูรายงาน Generation AI in Asia Pacific | Deloitte Insights ฉบับเต็ม และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการวิจัยได้ ที่นี่
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด