เดลตาครอน (Deltacron) ไวรัสไฮบริดคืออะไร เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ทั่วโลกและไทยมองอย่างไรบ้าง ? | Techsauce

เดลตาครอน (Deltacron) ไวรัสไฮบริดคืออะไร เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ทั่วโลกและไทยมองอย่างไรบ้าง ?

ไซปรัสพบโควิดลูกผสม

จากการที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้มีการรายงานว่า Leondios Kostrikis professor of biological sciences at the University of Cyprus and head of the Laboratory of Biotechnology and Molecular Virology เป็นผู้ค้นพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสม โดยเป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์เดลตาและไวรัสโอมิครอน จึงได้เรียกว่า 'เดลตาครอน (Deltacron)' เนื่องจากมียีนเด่นแบบโอมิครอนภายในจีโนมเดลตา

จากการที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้มีการรายงานว่า Leondios Kostrikis professor of biological sciences at the University of Cyprus and head of the Laboratory of Biotechnology and Molecular Virology เป็นผู้ค้นพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ลูกผสม โดยเป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์เดลตาและไวรัสโอมิครอน จึงได้เรียกว่า 'เดลตาครอน (Deltacron)' เนื่องจากมียีนเด่นแบบโอมิครอนภายในจีโนมเดลตา

ซึ่ง Kostrikis และทีมงานพบการติดเชื้อดังกล่าว 25 คน การวิเคราะห์ทางสถิติชี้ว่า การติดเชื้อผสมพบมากขึ้นในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้เข้าโรงพยาบาล

โดยทางทีมวิจัยได้วิเคราะห์ตัวอย่างลำดับพันธุกรรมผู้ติดเชื้อเดลตาครอน 25 คนในไซปรัส พบว่าแตกต่างไปจากสายพันธุ์อื่นๆด้วยเพราะการกลายพันธุ์ที่มากถึง 30 จุด โดยการกลายพันธุ์ 10 จุดพบในตัวอย่างที่เก็บได้ในไซปรัส จากนั้นจึงได้ทำการส่งไปให้ฐานข้อมูลระหว่างประเทศ 'GISAID' ซึ่งเป็นศูนย์รวมฐานข้อมูลที่ใช้ในการติดตามไวรัสแล้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของไวรัสโควิดต่อไป

“จะเห็นได้ว่าสายพันธุ์นี้ติดต่อหรือแพร่ระบาดมากขึ้นกว่าเดลต้า หรือ โอไมครอนหรือไม่นั้นงเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ ซึ่งในมุมมองส่วนตัวมองว่า สายพันธุ์เดลตาครอนนี้จะถูกแทนที่ด้วยตัวแปรโอไมครอนที่ติดต่อได้ง่ายกว่า แต่ยังไม่มีข้อมูลการก่อโรคที่รุนแรง”

ส่อ ‘เดลตาครอน (Deltacron)’ อาจแค่ปนเปื้อน

ส่วนทางด้าน ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ Center for Medical Genomics เกี่ยวกับประเด็นเชื้อโควิด-19 "เดลตาครอน" ว่า จากการที่มีผู้สอบถามเข้ามาที่ศูนย์จีโนม รพ. รามาธิบดี จำนวนมากถึงการเกิดขึ้นของสายพันธุ์โควิดลูกผสมอย่าง “เดลตาครอน” ขึ้นที่ไซปรัสนั้นใช่หรือไม่ คำตอบคือน่าจะไม่ใช่

เนื่องด้วย Dr. Tom Peacock ผู้เชี่ยวชาญการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสระดับโลก ชาวอังกฤษ ได้มีการทวิตแจ้งว่าจากการพิจารณารหัสพันธุกรรมมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดจากการปนเปื้อนระหว่างสารพันธุกรรมของ "โอมิครอน" และ "เดลตา" ในห้องปฏิบัติการ เวลาถอดรหัสพันธุกรรมจึงมีรหัสปนกันออกมาเสมือนเกิดเป็นสายพันธุ์ลูกผสม

ส่วนทางด้าน ศ.นิค โลแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านจีโนมของจุลินทรีย์จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมของอังกฤษ ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา กล่าวว่า แม้ว่าการเกิดลูกผสมระหว่างเดลต้าและโอไมครอนจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่การค้นพบจากไซปรัสน่าจะเป็น “Technical Artifact” ที่เกิดขึ้นในกระบวนการถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมของไวรัสมากกว่า 

ล่าสุด ศูนย์จีโนมฯ ได้นำรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมจำนวน 25 ตัวอย่างที่ทางไซปรัสได้อัปโหลดขึ้นมาแชร์ไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” โลก มาวิเคราะห์ ก็เห็นพ้องตามที่ Dr.Tom Peacock กล่าวไว้คือ เมื่อนำข้อมูลรหัสพันธุกรรมมาสร้างเป็นแผนภูมิวิวัฒนาการ Phylogenetic tree พบว่าตัวอย่างทั้ง 25 รายไม่ได้มาจากคลัสเตอร์เดียวกันซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะหากเป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่เพิ่งเกิดใหม่ มีที่มาจากแหล่งเดียวกันยังไม่ระบาดเป็นวงกว้าง ควรจะอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน ไม่แตกกิ่งก้านสาขาไปมากมาย และจากรหัสพันธุกรรมทั้ง 25 ตัวอย่างบ่งชี้ว่าเป็นรหัสพันธุกรรมส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ “เดลตา” ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมของ “โอมิครอน” เข้ามาระหว่างการถอดรหัสพันธุกรรม

คำถามที่ตามมาคือหากมีสายพันธุ์ลูกผสมเกิดขึ้นมาจริงๆ ทางศูนย์จีโนมฯจะตรวจพบหรือไม่ คำตอบคือน่าจะตรวจพบ เพราะขณะนี้เราถอดรหัสพันธุกรรมด้วยเทคโนโลยีสายยาว (long-read sequencing) ประมาณ 1,000-2,000 ตำแหน่งต่อสาย ดังนั้นหากพบรหัสพันธุกรรมของ "เดลตา" และ "โอมิครอน" ผสมปนกันอยู่ในสายเดียวกัน ก็แสดงว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์ลูกผสม

อย่างก็ตามเพื่อความชัดเจนอาจต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลสักระยะ หากหลายสถาบันในไซปรัสยังสามารถถอดรหัสพันธุกรรมพบสายพันธุ์ลูกผสมดังกล่าวจากบรรดาตัวอย่างที่ส่งเข้ามาภายใน 1-2 อาทิตย์จากนี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าได้เกิดสายพันธุ์ลูกผสม "เดลตาครอน" ในไซปรัสอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดทางองค์การอนามัยโลกคงจะจัดทีมเข้ามายืนยันผลที่ไซปรัส เหมือนกับที่เคยดำเนินการที่เวียดนามเช่นกัน

ไทยยังไม่พบข้อมูลลูกผสมสายพันธุ์ใหม่

สำหรับ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยยังไม่มีข้อมูลหรือมีรายงานอย่างเป็นทางการ จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบก่อนว่าเป็นข่าวหรือรายงานอย่างเป็นทางการหรือไม่ ดังนั้นจึงมองว่าไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินไป

จึงสามารถสรุปได้ว่ายังคงต้องมีการติดตามกันต่อไปว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์ไฮบริดลูกผสม 'เดลตาครอน' นี้ มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ ? และจะรุนแรงแค่ไหน ? รวมทั้งการแพร่กระจายจะเป็นไปในทิศทางใด ? คงต้องมีการติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะลักษณะการผสมของสายพันธุ์โควิดนั้นมีการเกิดขึ้นหลายครั้งทั้งที่ผ่านมาอย่างกรณีของประเทศเวียดนาม แต่ปรากฎว่ายังไม่มีการพบไวรัสลูกผสม เพียงแต่พบว่าใน 1 คนมีการติดเชื้อโควิด 2 สายพันธุ์เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าการเกิดลูกผสมในส่วนของไวรัสโควิด-19 นั้นไม่ง่ายนัก เพื่อความปลอดภัยของมวลมนุษยชาติท่ามกลางสมรภูมิโควิดภิวัฒน์ที่อยู่กับเรามากว่า 3 ปี จึงต้องมีการติดตามกันต่อไป และยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันกันอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิงจาก Bloomberg, Center for Medical Genomics, Businesstimes

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

พลังผู้หญิงเปลี่ยนโลก! CP ทลายกำแพงเพศ ดันผู้นำหญิง สร้างสังคมเท่าเทียม พร้อมผลักดันสังคมให้ก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่ง-ยั่งยืน

8 มีนาคม วันสตรีสากล เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ตอกย้ำถึงความสำคัญของบทบาทสตรีในทุกระดับขององค์กร พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงได้แสดงศ...

Responsive image

เปิดตัวแบตเตอรี่ทนร้อน SCiB ที่ Toshiba x naturenix ให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างทดลองใช้

Toshiba Corporation กับ naturenix inc. สตาร์ทอัพจากแดนปลาดิบ สนใจเปิดบริการ 'แบตเตอรี่ให้เช่าสำหรับมอเตอร์ไซค์รับจ้างไฟฟ้า' ในไทย โดยชูจุดเด่นเรื่องชาร์จซ้ำได้ 20,000 รอบ และทนความ...

Responsive image

Nasket ฉลอง 10 ปี เปิดตัว ‘ตู้น้องแพค’ นวัตกรรมใหม่ลุยตลาดรีเทลคอนโดฯ เสิร์ฟน้ำดื่มถึงคอนโดฯ กว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ

Nasket (บริษัท นาสเกต รีเทล จำกัด) ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมสินค้าและบริการอัจฉริยะสำหรับคอนโดมิเนียม ประกาศฉลองครบรอบ 10 ปี ด้วยการเปิดตัว "ตู้น้องแพค พลัส กับคริสตัล" ตู้จำหน่ายน้...