Disney+ Hotstar สตรีมได้เลยตั้งแต่วันนี้! | Techsauce

Disney+ Hotstar สตรีมได้เลยตั้งแต่วันนี้!

Disney+ Hotstar เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งที่ทุกคนรอคอยอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่พร้อมให้ผู้ชมได้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ในการรับชมคอนเทนต์ยอดนิยมที่ทุกคนโปรดปรานจากแบรนด์แห่งความบันเทิงระดับไอคอน ไม่ว่าจะเป็น Disney, Pixar, Marvel, Star Wars, National Geographic, FX, Twentieth Century Studio และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยผู้ชมยังสามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ที่หลากหลายจากสตูดิโอชั้นนำของไทย ตลอดจนภาพยนตร์และซีรีส์ที่ได้รับคำชมในเอเชียด้วย

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สมาชิกสามารถลงทะเบียนได้ที่ www.disneyplushotstar.com หรือดาวน์โหลดแอป Disney+ Hotstar บนอุปกรณ์ Android และ iOS เพื่อเริ่มสตรีม Disney+ Hotstar ในราคา 799 บาทต่อปี หรือสมัครแพ็กเกจพิเศษจาก AIS 5G ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Disney+ Hotstar 

แพ็กเกจพิเศษสำหรับลูกค้า AIS เท่านั้น สมัครวันนี้เพื่อเพลิดเพลินไปกับ Disney+ Hotstar ราคาพิเศษ! แพ็กเกจรายเดือน 49 บาท พร้อมสิทธิ์รับชม 1 เดือนจาก AIS ไม่มีค่าใช้จ่าย (รับสิทธิ์ในเดือนที่ 2) และแพ็กเกจรายปี เพียง 499 บาท สมัครได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2564 - 31 กรกฎาคม 2564

Disney+ Hotstar

และเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษครั้งนี้ Disney+ Hotstar จัดงาน “สวัสดี Disney+ Hotstar” ในช่วงเย็นวันนี้ เวลา 19.30 น. โดยสามารถรับชมผ่านการสตรีมมิ่งบนแอป Disney+ Hotstar และ AIS Play และถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยท์ ภายในงานที่มีความยาว 30 นาทีนี้มาพร้อมการแสดงของปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ, เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, วี-วิโอเลต วอเทียร์, บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และแอลลี่-อชิรญา นิติพน โดยมีการถ่ายทอดเทปบันทึกภาพอีกครั้งทางช่อง One31 เวลา 23.15 น. และสามารถสตรีมเพื่อชมได้ทางแอป Disney+ Hotstar และ AIS Play จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม เวลา 23.59 น.

ความบันเทิงสำหรับผู้ชมทุกวัย

Disney+ Hotstar พร้อมมอบความบันเทิงนับพันชั่วโมงสำหรับผู้ชมทุกวัย ด้วยภาพยนตร์กว่า 700 เรื่องและซีรีส์ดังอีกกว่า 14,000 ตอนจากทั่วโลก เอเชีย และไทย สมาชิกสามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่เปิดตัวล่าสุด อาทิ Luca, Raya and Last Dragon และ Monsters At Work (เริ่มสตรีม 7 กรกฎาคม) ภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์ อาทิ Avengers: Endgame และ Frozen 2 รวมถึงคอนเทนต์จาก Disney Original อย่าง Loki (3 ตอนแรกเมื่อเปิดตัว) The Falcon and The Winter Soldier, WandaVision และ The Mandalorian

คอนเทนต์ใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟมีทั้ง ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง และซีรีส์ Extraordinary Siamese Story: Eng and Chang ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตของอิน-จัน แฝดสยามคู่แรก พร้อมหนังดังตลอดกาลและติดอันดับทำรายได้สูงสุด อาทิ พี่มาก..พระโขนง, เฟรนด์โซน และ น้อง.พี่.ที่รัก แฟนละครดราม่าต้องไม่พลาดชมซีรีส์เรื่อง 55:15 Never Too Late (นำแสดงโดยกบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และนนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์) ชมได้ 1 เดือนก่อนออกอากาศทางโทรทัศน์ช่วงไพรม์ไทม์ รวมถึงละครซีรีส์ที่พร้อมสตรีมแบบเอ็กซ์คลูซีฟทุกสัปดาห์ อาทิ Love and Fortune และ รักแลกภพ ที่จะเปิดตัวบน Disney+ Hotstar พร้อมการออกอากาศทางโทรทัศน์

สำหรับแฟนคอนเทนต์จากเอเชียก็ไม่น้อยหน้า Disney+ Hotstar จัดเต็มให้ได้ชมอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาพยนตร์ไซไฟแอ็คชั่นเรื่องดังจากเกาหลี Seobok (นำแสดงโดยกงยู และพัคโบกอม) และภาพยนตร์รางวัลออสการ์ Parasite สุดยอดภาพยนตร์ดราม่าจากไต้หวัน The Silent Forest (นำแสดงโดย Buffy Chen และฮยอนบิน) ภาพยนตร์กำลังภายใน Ip Man 4: Finale รวมถึงภาพยนตร์และซีรีส์จากญี่ปุ่น อาทิ Shin Godzilla, 24 Japan และอีกมากมาย

Disney+ Hotstar พร้อมยกระดับประสบการณ์การสตรีมด้วยภาพและเสียงคุณภาพสูง

Disney+ Hotstar มาพร้อมคอลเลกชันภาพยนตร์และซีรีส์ที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในรูปแบบ Dolby Vision® HDR และ Dolby Audio™ โดยผู้ชมที่มีอุปกรณ์ที่รองรับสามารถสตรีมรายการที่ไม่ควรพลาดมากมายทาง Disney+ Hotstar ด้วยคุณภาพของภาพและเสียงที่โดดเด่น และภายในแอป Disney+ Hotstar บน Android TV และ Apple TV สมาชิกยังสามารถเพลิดเพลินกับภาพที่มีสีสันสดใสเป็นพิเศษด้วย Dolby Vision ในขณะที่ Dolby Audio จะมอบความคมชัด บทสนทนาที่ฟังได้ง่าย รายละเอียดที่ยอดเยี่ยม รวมถึงเอฟเฟกต์เสียงเซอร์ราวด์ที่สมจริง ช่วยเติมเต็มความรู้สึกที่เป็นที่สุดในการรับชมฉากโปรดของคุณได้อย่างเต็มที่

ปัญกาจ เคอเดีย กรรมการผู้จัดการ ตลาดใหม่ จากดอลบี้ แลปบอราทอรีส์ กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมเดินทางไปกับ Disney+ Hotstar ในประเทศไทย เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การสตรีมด้วยคุณภาพเสียงและภาพที่น่าทึ่งผ่านระบบ Dolby Vision และ Dolby Audio โดยเราต้องการให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การสตรีมคอนเทนต์สุดโปรดบนดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์อย่างสะดวกสบายในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในช่วงเวลาที่กำลังเดินทางไปที่ไหน”

และนี่คือตัวอย่างไฮไลต์ความบันเทิงที่สมาชิก Disney+ Hotstar ในประเทศไทยสามารถเพลิดเพลินด้วยระบบ Dolby Vision และ Dolby Audio ได้อย่างเต็มที่:

Marvel Super Heroes: ซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวล

  • Loki
  • The Falcon and The Winter Soldier
  • WandaVision
  • Avengers: Endgame
  • Black Panther
  • Marvel’s 616

Disney+ Originals

  • The Mandalorian
  • Star Wars: The Bad Batch
  • Flora & Ulysses
  • Black Beauty
  • Pixar Popcorn
  • Hamilton
  • Lady and the Tramp
  • Forky Asks A Question
  • Once Upon a Snowman
  • Own The Room

Disney Favourites: ดิสนีย์เรื่องโปรด

  • Soul
  • Mulan (2020)
  • Onward
  • Diary of a Future President
  • Lady and The Tramp
  • Burrow
  • 22 vs Earth

 และอีกมากมาย!

สมาชิก Disney+ Hotstar สามารถสตรีมผ่านอุปกรณ์เครื่องโปรดของคุณได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะผ่านโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์สตรีมมิ่ง รวมถึงสมาร์ททีวีที่มีอุปกรณ์รองรับ บัญชีที่ลงทะเบียนแล้วสามารถชมพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ โดยคอนเทนต์ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดไว้ชมได้ทั้งบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต และไม่มีโฆษณา โดยจะมีส่วนของเนื้อหาสำหรับเด็กโดยเฉพาะที่เหมาะสมกับวัย พร้อมทั้งมีการออกแบบจัดวางหน้าจอผู้ใช้ให้ง่ายต่อการใช้งาน 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ DisneyPlusHotstar.th 


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

10 Tech Event ในเอเชีย ที่สายเทคฯ ธุรกิจ ไม่ควรพลาด ปี 2024

เพราะเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง องค์กรจึงต้องหมั่นอัปเดตเทรนด์ความรู้ใหม่ ๆ วันนี้ Techsauce คัดสรร 10 งานประชุมเทคโนโลยีระดับเอเชีย ที่สายเทคไม่ควรพลาดในปี 2024 รวมไว้ในบทความเดียวก...

Responsive image

SCBX ไตรมาส 1 ปี 67 กำไร 11,281 ล้านบาท เตรียมลุย 'Virtual Bank' พร้อมก้าวสู่องค์กร AI-First Organization

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2567 จำนวน 11,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน...

Responsive image

เปิดตัว Meta AI ใหม่ ถามได้ทุกเรื่อง สร้างภาพได้ทุกอย่าง ใช้ได้ทุกแอปฯ​ โซเชียลของ Meta

สำหรับ Meta AI เป็นแชทบอทที่เคยเปิดตัวให้เห็นครั้งแรกในงาน Connect 2023 ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Llama 2 แต่ล่าสุดได้มีการอัปเกรดไปใช้โมเดลภาษาใหม่ Llama 3...