การเลือกตั้งสหรัฐฯ กำลังเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีดีเบทครั้งแรกระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และ กมลา แฮร์ริส ที่เดือดพล่านตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายต่างงัดนโยบาย และวาทะเด็ดมาห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด
ทั้งสองคนนี้พูดอะไร หรือมีนโยบายอะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจบ้าง ? Techsauce ขอสรุปประเด็นที่น่าสนใจไว้ดังนี้
ทรัมป์ : สนับสนุนการขึ้นภาษีนำเข้า (tariff) สินค้าจากต่างประเทศ โดยมองว่าเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมและแรงงานในสหรัฐฯ เขาเสนอให้ขึ้นภาษีสินค้าต่างประเทศ 10-20% และอาจสูงกว่านั้นสำหรับสินค้าจากจีน
แฮร์ริส : วิพากษ์วิจารณ์นโยบายการค้าของทรัมป์ โดยมองว่าการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกัน เธออธิบายว่าชนชั้นกลางจะเผชิญกับภาระภาษีที่สูงขึ้น โดยภาษีศุลกากร 20% ที่บังคับใช้ในวงกว้างจะมีค่าใช้จ่ายครัวเรือนทั่วไปปีละ 4,000 ดอลลาร์
ทรัมป์: อ้างว่าเขาสร้างเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และตำหนิรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ว่าทำ ให้เกิดการว่างงานสูง
แฮร์ริส: โต้แย้งว่าทรัมป์ทิ้งประเทศไว้ในสภาวะว่างงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) และรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ได้สะสาง "ความยุ่งเหยิง" ที่ทรัมป์สร้างไว้
*จากข้อมูลของ CNN ระบุว่า อัตราว่างงานหลังจากทรัมป์ออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2021 อยู่ที่ 6.4% ต่างจากปี 2020 ที่มีอัตราว่างงานสูง 14.8% เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งถือเป็นอัตราว่างงานสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1939 ตามการบันทึกของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ
ทรัมป์: ต้องการลดภาษีเพิ่มเติม โดยเฉพาะการลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% และยกเว้นภาษีสำหรับทิปและเงินประกันสังคม เขาเชื่อว่าการลดภาษีจะช่วยกระตุ้นการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แฮร์ริส: วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของทรัมป์ว่าเป็นประโยชน์ต่อคนรวยและบริษัทขนาดใหญ่ เธอเสนอให้ขึ้นภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้สูงและบริษัทขนาดใหญ่ เพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการช่วยเหลือครอบครัวชนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อย
เธอยังเสนอให้ขยายการหักลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก สนับสนุนการเพิ่มอัตราภาษีนิติบุคคลเป็น 28 เปอร์เซ็นต์จาก 21 เปอร์เซ็นต์ และสัญญาว่าจะไม่ขึ้นภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยการฟื้นฟูและขยายเครดิตภาษีเงินได้จากการทำงานและเครดิตภาษีบุตร รวมถึงเครดิตภาษีบุตร 6,000 ดอลลาร์สำหรับปีแรกของชีวิตทารกแรกเกิด
ทรัมป์: คัดค้านการยกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา แต่สนับสนุนมาตรการเพื่อรวมแผนการชำระหนี้ตามรายได้
แฮร์ริส: สนับสนุนแผนการยกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของรัฐบาลไบเดนสำหรับผู้กู้หลายสิบล้านคน แต่เธอยังไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่านโยบายของเธอจะเป็นอย่างไรหากได้รับเลือก
จากการดีเบทครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์เชื่อมั่นในพลังของภาคเอกชน ต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทน้อยลงในเศรษฐกิจ สนับสนุนการลดกฎระเบียบ และการลดภาษี ขณะที่แฮร์ริส มองว่ารัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเป็นธรรมและโอกาสทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และโครงการช่วยเหลือสังคมต่างๆ
อ้างอิง : AP, abcnews, The Washington Post, ft
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด