ในการประชุมออนไลน์ผ่านทาง vroom โดยสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) เพื่อให้ทางผู้ประกอบการสตาร์ทอัพได้เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ แนวทาง ข้อเสนอแนะในมิติต่างๆ เพื่อสนับสนุนการลงทุนขับเคลื่อนธุรกิจ อุตสาหกรรมดิจิทัล และกลุ่มสตาร์ทอัพ ในหัวข้อ ประชุมออนไลน์ “หัวข้อ ปรับปรุง นโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบ เพื่อพัฒนา ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับภูมิภาค” – กลุ่ม start up ซึ่งมีตัวแทนจากทั้งฝั่งของสภาดิจิทัลฯ ตัวแทนจากรัฐบาล และตัวแทนจากกลุ่มสตาร์ทอัพเข้าร่วม สามารถสรุปข้อเสนอได้เป็น 11 ข้อดังนี้
-ผลประโยชน์ทางภาษีสำหรับ Angle Investor สามารถนำรายจ่ายจากการลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 5.6 ล้านบาท หรือไม่เกินร้อยละ 50 ของเงินลงทุน
-Crowdfunding และตลาดรอง (Secondary Market) ส่งเสริมการระดมทุนในรูปแบบ Crowdfunding โดยการเพิ่มวงเงินการระดมทุนต่อรายเป็น 50 ล้านบาท เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับนักลงทุนรายย่อยในรูปแบบ Crowdfunding เช่น สิทธิในการหักภาษี และยกเว้น Capital Gain Tax รวมถึงการสร้างตลาดทุนรองสำหรับการซื้อขายหุ้นเริ่มต้น
-ผ่อนปรนข้อจำกัดสำหรับ Venture Capital ไทยหรือต่างชาติ Venture Capital ต่างประเทศที่มีสำนักงานในประเทศไทย เช่น ยกเว้น Capital Gain Tax และสามารถถือกรรมสิทธิ์ในบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศได้ถึงร้อยละ 100 รวมถึงสิทธิ์ในการถือหุ้นบุริมสิทธิ
-สามารถเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพได้ในช่วงเริ่มธุรกิจ (Convertible Debt)
-ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันจัดตั้งกองทุน PPP เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพ ซึ่งในกรณีนี้ปัจจุบันมีธนาคารออมสิน ทำอยู่แล้ว อาจจะสามารถศึกษาได้จากโมเดลนี้
-สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและการค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐบาล ในประเด็นนี้ควรจะมีการสนับสนุนธนาคารในการเสนอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือปลดดอกเบี้ยให้กับสตาร์ทอัพ เพื่อลดความเสี่ยงในการปล่อยกู้และลดต้นทุนของกองทุน
-รัฐส่งเสริมทุนสนับสนุนศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ (Incubator & Accelerator) สูงสุดร้อยละ 70 ของต้นทุน
-สนับสนุนการดึงดูดบุคคลากรชั้นนำโดยการให้อัตราภาษีที่ดึงดูด (อัตราภาษีเงินได้ส่วนบุคคลแบบคงที่ที่ 17% เหมือนกับที่ EEC) และรัฐชดเชยเงินสำหรับใช้เป็นค่าตอบแทนให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และผ่อนปรนข้อจำกัดเกี่ยวกับโควต้าการจ้างงานชาวต่างชาติ (จากเดิม 20% เป็น 38% เหมือนสิงคโปร์)
-สนับสนุนให้สามารถจัดสรรหุ้นให้พนักงานได้ (ESOP) โดยให้รีบผ่านร่างกฎหมายและประกาศใช้ให้บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สามารถขายหุ้นให้กับผู้บริหาร พนักงาน หรือเจ้าหนี้
-จัดซื้อจัดจ้างสตาร์ทอัพในโครงการของภาครัฐ เพื่อเป็นการเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆให้แก่สตาร์ทอัพ
-ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล Startup ในเขตพื้นที่พิเศษ เช่น ย่านนวัตกรรม (Innovation District) เป็นเวลา 8 ปี
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด