Elon Musk กำลังเผชิญกระแสโจมตีอย่างหนัก หลังถูกกล่าวหาว่า “ทำลายชื่อเสียงของบริษัท Tesla” ด้วยบทบาททางการเมืองและตำแหน่งใหม่ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานพิเศษ DOGE (Department of Government Efficiency) ซึ่งมีภารกิจหลักในการลดขนาดภาครัฐและตัดงบประมาณผ่านการลดจำนวนข้าราชการและการอัปเกรดระบบไอที
แม้ DOGE จะมีชื่อฟังดูเป็นทางการ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่หน่วยงานราชการตามกฎหมาย หากเป็นผลจากคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยทีมงานส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่สายเทคโนโลยี และมีกรอบเวลาทำงานจนถึงกรกฎาคม 2026
และดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ Musk ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างรัฐบาล...หรือ Tesla เพราะช่วงหลังมานี้ นักลงทุนรายใหญ่หลายรายเริ่มออกมาเรียกร้องให้ Elon Musk ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Tesla โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต้องการผู้นำคนใหม่เพื่อฝ่าฟันวิกฤตต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ช่วงเวลานี้ Tesla กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งในเชิงธุรกิจ ภาพลักษณ์องค์กร และบทบาทผู้นำของ Elon Musk ที่เริ่มถูกตั้งคำถามอย่างจริงจัง
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ตกลงในหลายประเทศทั่วโลก ขณะที่หน้าร้านในบางพื้นที่เผชิญกับกระแสแบนและการประท้วงจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงกว่า 53% นับตั้งแต่จุดสูงสุดในเดือนธันวาคม และทำให้มูลค่าตลาดหายไปมากกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์
ในเวลาเดียวกัน Musk ก็หันไปทุ่มเทเวลาให้กับบทบาทใหม่ในฐานะหัวหน้าหน่วยงาน Department of Government Efficiency หรือ DOGE ซึ่งเป็นหน่วยงานพิเศษที่จัดตั้งขึ้นจากคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump โดยมีภารกิจหลักคือการลดขนาดภาครัฐ ปรับโครงสร้างระบบราชการ และอัปเกรดโครงสร้างไอทีของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่การทุ่มเทให้กับงานภาครัฐอย่างเต็มที่ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า Musk ละเลย Tesla มากเกินไป
หนึ่งในเสียงที่ชัดเจนที่สุดคือ Ross Gerber นักลงทุนรายใหญ่ที่ถือหุ้นใน Tesla มูลค่าราว 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เขาออกมาเรียกร้องให้ Musk ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ โดยให้สัมภาษณ์ในรายการ Sky Business Live ว่า
“ถึงเวลาแล้วที่ Tesla ต้องมีผู้นำคนใหม่ Elon กระจายตัวเกินไป ทั้ง Tesla, DOGE และแพลตฟอร์ม X เขาไม่มีเวลาทุ่มเทให้บริษัทอีกต่อไป”
นอกจากเรื่องเวลา ภาพลักษณ์ของ Musk ในฐานะผู้นำที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่มขวาจัดในยุโรป ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าอย่างรุนแรง
Gerber สรุปประเด็นนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า
ต่อให้ Tesla ผลิตสินค้าที่ดีที่สุดในตลาด แต่ถ้าซีอีโอกลายเป็นบุคคลที่ผู้บริโภคจำนวนมากไม่อยากสนับสนุน มันก็ขายไม่ได้อยู่ดี
แรงกดดันจากนักลงทุนจึงเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น รายงานจาก ABC News ระบุว่า ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้บริหารระดับสูงของ Tesla ถึง 4 คน ได้ขายหุ้นรวมกันเกิน 100 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Gerber เองก็เริ่มทยอยขายหุ้นบางส่วนแล้ว
แม้ยังไม่มีสัญญาณจาก Musk ว่าเขาจะยอมลาออก แต่ท่ามกลางความสั่นคลอนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากตลาดและภายในองค์กร
ในทางกฎหมาย การปลดซีอีโอของบริษัทมหาชนอย่าง Tesla ต้องอาศัยมติของคณะกรรมการบริษัท หรือแรงกดดันจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เรียกร้องให้มีการลงคะแนนเสียง แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อซีอีโอไม่ได้ถือหุ้นมากพอจะมีอิทธิพลเหนือเสียงโหวต
กรณีของ Elon Musk นั้นต่างออกไป เขาถือหุ้นอยู่ประมาณ 411 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 12.8% ของบริษัท ทำให้เขายังคงมีอำนาจต่อรองสูง และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความพยายามใด ๆ ที่จะปลดเขาออกจากตำแหน่ง
Ross Gerber นักลงทุนรายใหญ่ของ Tesla มองว่า Musk ปล่อยให้ธุรกิจขาดการดูแลอย่างต่อเนื่อง และควรแต่งตั้งผู้นำคนใหม่ หากยังเลือกทุ่มเทเวลาให้กับงานภาครัฐใน DOGE
Omar Oakes ที่ปรึกษาด้านการตลาด ระบุชัดว่า Tesla ถึงจุดที่ต้องมีผู้นำที่มีวุฒิภาวะมารับช่วง เพราะ Musk ไม่สามารถบริหารบริษัทไปพร้อมกับบทบาทอื่น ๆ ได้อีกแล้ว
Hugh Wilson Hugh Wilson เป็นศาสตราจารย์ด้านการตลาดจาก Warwick Business School สหราชอาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมผู้บริโภคและการบริหารแบรนด์ ชี้ว่า ภาพลักษณ์ของ Musk กำลังขัดแย้งกับลูกค้าหลักของ Tesla โดยเฉพาะกลุ่มเสรีนิยมที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เขาเสนอว่า Musk ควรหยุดเล่นการเมืองหรือสละตำแหน่ง เพื่อปกป้องแบรนด์ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม Wilson เตือนว่า แม้เปลี่ยนซีอีโอ แบรนด์ Tesla ก็ยังผูกกับตัว Musk อยู่ดี
Eric Schiffer ประธานของ The Patriarch Organization บริษัทเอกชนด้านการลงทุนและบริหารสินทรัพย์ในสหรัฐฯ เสริมว่า แม้ Tesla จะเสียฐานลูกค้าฝ่ายซ้าย แต่ก็อาจได้กลุ่มใหม่จากฝ่ายขวาที่สนับสนุนแนวคิดของ Musk และ DOGE เข้ามาแทน
จนถึงปัจจุบัน Elon Musk ยังไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ว่าจะยอมลงจากตำแหน่ง แม้จะเผชิญแรงกดดันจากนักลงทุนบางราย เช่น Ross Gerber และ Christopher Tsai แต่ก็ยังไม่มีนักลงทุนรายใหญ่ระดับกองทุน เช่น Vanguard หรือ BlackRock ที่ออกมาคัดค้านบทบาทของ Musk อย่างชัดเจน
ดังนั้น โอกาสที่ Musk จะถูกปลดจากตำแหน่งซีอีโอในระยะสั้นยังถือว่าน้อย แต่แรงกดดันกำลังสะสม และอาจกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ไม่ควรมองข้ามในอนาคต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด
bc1q7j8py9e30yflslsu3d0ys0hqvyr69mzc2ztmn6
0xB45A7510EaaD1Ef02CFaD55C67c0EA084CDD40d2 ...หมายเลขชิ้นส่วน: 0xB45A7510EaaD1Ef02CFaD55C67c0EA084CDD40d2
0xB71aA234FE36fF13cF5960F6E2Ed9eF1165eF14C
bc1q7j8py9e30yflslsu3d0ys0hqvyr69mzc2ztmn6
0xB45A7510EaaD1Ef02CFaD55C67c0EA084CDD40d2
1KU0QrPw
0xB45A7510EaaD1Ef02CFaD55C67c0EA084CDD40d2
0xB71aA234FE36fF13cF5960F6E2Ed9eF1165eF14C
bc1q7j8py9e30yflslsu3d0ys0hqvyr69mzc2ztmn6
https://www.trustpilot.com/evaluate/justmarkets.com
U2ERS3GX4ZPYPX3DZ46QOKWKOQXN2HXY RMKB LMDA AQYP ASF2 ETVJ FEDD IT5Z M67E I3XG RQQH GUYK T5ZV 5YKF LPYP DDZ6 NVE3