สำนักข่าว Asia Nikkei รายงานว่านี่เป็นการปรับใช้ร้านค้าอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบในระดับมหภาคครั้งแรกในญี่ปุ่น ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อ FamilyMart ตั้งเป้าจะเปิดร้านที่ไร้พนักงานประมาณ 1,000 แห่งภายในสิ้นปีงบประมาณ 2024 ซึ่งจะวางจำหน่ายสินค้าแบบเดียวกันกับร้านสะดวกซื้อทั่วไป
โดยฟีเจอร์ที่โดดเด่นในร้านค้าไร้พนักงานก็คือ ระบบการชำระเงิน FamilyMart จะมีการใช้กล้องปัญญาประดิษฐ์ติดเพดานด้านบนร้านค้า เช่นเดียวกับเซ็นเซอร์น้ำหนักบนชั้นวางเพื่อตรวจสอบว่าลูกค้าหยิบสินค้าใด เมื่อลูกค้ายืนอยู่หน้าที่ชำระเงิน ก็จะมีชื่อผลิตภัณฑ์และราคาจะแสดงบนจอภาพ ณ จุดนั้น แล้วให้ลูกค้าชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเงินสด
ระบบอัตโนมัติจะช่วยขจัดความยุ่งยากในการอ่านบาร์โค้ดและป้องกัน ในส่วนของปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ทางระบบจะจะไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่อาจนำไปสู่การระบุตัวบุคคล เช่น ภาพใบหน้า การใช้งานของลูกค้าเมื่อเข้าสู่ร้านค้าก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมแอปสมาร์ทโฟนล่วงหน้าหรือให้รับรองความถูกต้องด้วยไบโอเมตริกซ์ใด ๆ อีกด้วย
FamilyMart กล่าวว่าสามารถจำหน่ายสินค้าที่เหมือนกับร้านค้าปลีกทั่วไปได้เกือบ 3,000 รายการ ได้มีการทดลองเปิดร้านในโตเกียวเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่มีพื้นที่เพียง 50 ตร.ม. เทียบเป็นประมาณ 30% ของขนาดร้านปลีกทั่วไป มีการใช้กล้องประมาณ 50 ตัวและมีการวางขายสินค้าประมาณ 750 รายการ ในส่วนของลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะต้องได้รับการตรวจสอบอายุผ่านจอภาพบนเครื่องชำระเงิน
FamilyMart มีร้านค้าประมาณ 16,000 แห่งในญี่ปุ่น และสาขาเปิดสาขาใหม่ 200 ถึง 500 แห่งต่อปี โดยร้านค้าที่เปิดใหม่ต่อจากนี้จะเป็นร้านค้าอัติโนมัติซะส่วนใหญ่
นอกจากนี้ ธุรกิจสะดวกซื้อรายอื่นก็เร่งเปลี่ยนแปลงโมเดลร้านค้าเช่นกัน ตัวอย่างเช่น Seven-Eleven Japan ที่ร่วมมือกับบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยี NEC เพื่อทดลองร้านค้าอัตโนมัติที่ใช้การจดจำใบหน้าในการชำระเงิน ส่วน Lawson ได้เปิดตัว "เครื่องบันทึกเงินสดบนสมาร์ทโฟน" ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนของลูกค้าสามารถอ่านบาร์โค้ดของผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองได้
ในประเทศอื่นเช่น สหรัฐอเมริกา จีน และอื่นๆ ก็มีร้านค้าปลีกหลายร้านที่กำลังแข่งกันก้าวมาเป็นผู้นำร้านค้าอัตโนมัติ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับการยอมรับกับร้านค้าในรูปแบบนี้ เช่นที่ร้าน "Amazon Go" บางร้านได้ใช้ระบบตรวจสอบข้อมูลไบโอเมตริกซ์ เพื่อให้ลูกค้าชำระเงินได้ง่ายๆ โดยการยกเพียงฝ่ามือขึ้นมาชำระเงิน แต่ผู้บริโภคจำนวนมากกลับรู้สึกไม่สบายใจกับแนวคิดนี้ทำให้จากเดิมที่มีทั้งหมด 26 แห่งลดเหลือ 22 แห่ง ในเดือนกันยายน ด้วยเหตุนี้บริษัทต่างๆ จึงกำลังสำรวจวิธีการใช้บัตรเครดิตและการตรวจสอบแอปร่วมกันอย่างขมักเขม้น
อ้างอิง Asia Nikkei
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด