ฟินแลนด์กำลังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย 6G อย่างจริงจัง โดยรัฐบาลได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี 6G และจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ คณะทำงานนี้ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
นอกจากการพัฒนาภายในประเทศ ฟินแลนด์ยังมุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเวทีระดับโลก เช่น การกำหนดมาตรฐานคลื่นความถี่สำหรับเทคโนโลยี 6G และการรับรองความปลอดภัยของเครือข่าย
ที่น่าสนใจคือ NATO ได้อนุมัติให้ฟินแลนด์จัดตั้งศูนย์ทดสอบด้านเทคโนโลยีเครือข่าย 2 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือศูนย์ทดสอบ 6G ที่เมือง Oulu โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเร่งพัฒนานวัตกรรมด้านการป้องกันประเทศของ NATO
มหาวิทยาลัย Oulu เป็นผู้นำในโครงการ 6G Flagship ซึ่งถือเป็นกลุ่มวิจัยด้าน 6G แห่งแรกของโลก ศูนย์ทดสอบที่นี่มีความทันสมัยมาก สามารถวัดสัญญาณความถี่วิทยุได้สูงถึง 330 GHz และมีห้องปฏิบัติการเฉพาะทางที่ทันสมัย
ศูนย์นี้ได้รับงบประมาณกว่า 251 ล้านยูโร และมีนักวิจัยประมาณ 500 คนจาก 54 ประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่ฟินแลนด์ให้กับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 6G
เทคโนโลยี 6G คาดว่าจะนำมาซึ่งการเชื่อมต่อที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลก แม้ในพื้นที่ห่างไกลหรือกลางมหาสมุทร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาในหลายด้าน เช่น:
ฟินแลนด์ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยี 6G เพียงลำพัง แต่ยังสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น:
มหาวิทยาลัย Oulu และหน่วยงาน Bharat 6G Alliance ในอินเดีย มี MoU เพื่อส่งเสริม ครม. ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไร้สาย 6G โดย ครม. เชิงกลยุทธ์ดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย 6G ของฟินแลนด์และอินเดีย โดยเฉพาะการเร่งการพัฒนาระบบนิเวศ 6G ที่ครอบคลุม ปลอดภัยและรองรับการประสานงานร่วมกันได้ทั่วโลก
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2024 บริษัท Nokia Vodafone Idea ของอินเดียได้คัดเลือกให้ บริษัท Nokia ของฟินแลนด์ (และ Ericsson, Samsung) เป็นพันธมิตรในการสร้างเครือข่ายระบบ 4G และ 5G สำหรับการจัดหาอุปกรณ์เครือข่าย (network equipment) ภายใต้วงเงิน 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 3 ปี
นอกจากนี้หน่วยงาน 6G Flagship ของมหาวิทยาลัย Oulu ได้กระชับ ครม. ด้านการวิจัยกับสถาบันวิจัยชั้นนำของเกาหลีใต้ โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ลงนามใน MoU 3 ฉบับกับ มหาวิทยาลัย Yonsei สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงของเกาหลี (KAIST) และสถาบัน ETRI (การวิจัยอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม) โดยมุ่งพัฒนาและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการพัฒนาเทคโนโลยี 6G
นอกจากนี้ ไทยสามารถพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีในประเทศ เช่น AI การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยี 6G อาจช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ
อ้างอิง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุง Helsinki
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด