หุ้นของ First Republic Bank ร่วงลงกว่า 50% หลังปิดการซื้อขายเมื่อวาน ทำลายสถิติร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 เมษายน 2566) ธนาคารออกมาประกาศว่าลูกค้าได้ถอนเงินฝากไปกว่า 1.02 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก สะท้อนถึงความวิตกกังวลของบรรดาผู้ฝากเงิน ที่มองว่าอาจจะส่อแววร่วงตาม Silicon Valley Bank และ Signature Bank ที่สร้างวิกฤติสะเทือนเศรษฐกิจโลกไปก่อนหน้านี้
ในการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ธนาคารได้แจ้งว่าไตรมาสนี้อาจลดจำนวนพนักงานลง 20-25% รวมทั้งรายได้ปีต่อปีของธนาคารยังลดลง 13.4% อีกทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิก็ลดลง ถึง 19.4%
Michael Roffler CEO ของธนาคารกล่าวว่า การเคลื่อนไหวเงินฝากลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากการล่มสลายของ Silicon Valley Bank และ Signature Bank เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ฝากเงินตื่นตระหนก แห่กันถอนเงินจากธนาคารเล็กและไปฝากธนาคารใหญ่
แม้ในปลายเดือนมีนาคมจะเริ่มมีความมั่นคงมากขึ้น แต่เงินฝากของ First Republic Bank ยังรั่วไหลออกไปแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน โดย ณ วันที่ 21 เมษายน 2023 ธนาคารมียอดเงินฝากรวมอยู่ที่ 102,700 ล้านดอลลาร์ ลดลงเพียง 1.7% จากวันที่ 31 มีนาคม 2023 โดย Roffler กล่าวว่าอัตราการลดลงเพียงเล็กน้อยนี้น่าจะมาจากช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องชำระภาษี ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
โดยเงินฝากประมาณ 2 ใน 3 ของธนาคาร ยังไม่มีประกันกับสถาบันคุ้มครองเงินฝากของสหรัฐฯ (Federal Deposit Insurance Corporation) ด้วย ซึ่งจุดนี้จะต่างจากการล่มสลายของธนาคาร Sillicon Valley ที่เงินฝากกว่า 94% มีประกัน อย่างไรก็ดี Roffler CEO ของธนาคาร ยังย้ำนักลงทุนว่าธนาคารมีสภาพคล่องเป็นสองเท่าของเงินฝากที่ไม่มีประกัน
เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ รวมถึง JPMorgan Chase & Co, Citigroup Inc, Bank of America Corp, Wells Fargo & Co, Goldman Sachs และ Morgan Stanley ได้ร่วมกันอัดฉีดเงินสด 30,000 ล้านดอลลาร์เพื่อป้องกันไม่ให้ First Republic Bank ล้มละลายไปอีกราย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของ First Republic Bank รวมถึงความมั่นคงของระบบธนาคารในสหรัฐฯ แต่ ณ ตอนนี้สถานการณ์กลับไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไรนัก
First Republic Bank กำลังดำเนินการเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจและปรับโครงสร้างงบดุล พร้อมกับมองหา ‘ทางเลือกเชิงกลยุทธ์’ โดยนอกจากแผนการลดจำนวนพนักงานแล้ว ยังวางแผนจะลดค่าตอบแทนผู้บริหาร ตัดโปรเจกต์ที่ไม่จำเป็น ลดขนาดสำนักงาน นอกจากนั้นการขายสินทรัพย์ ก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง จากรายงานของ Bloomberg ระบุว่าธนาคารต้องการขายสินเชื่อและหลักทรัพย์มูลค่ารวมถึง 1 แสนล้านดอลลาร์
ธนาคารยังต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาช่วยเหลือ ด้วยการรวมรวมกลุ่มบุคคลไม่ว่าจะเป็น Private eqiuty firm หรือผู้ให้กู้รายใหญ่หรือที่สามารถพยุงความมั่งคั่งของธนาคารไว้ได้
ทั้งนี้ภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับลดลงไปราว 344 จุด อยู่ที่ระดับ 33,530 จุด คิดเป็นการลดลงราว 1.02% ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากตัวเลขเงินฝากของ First Republic Bank ที่ลดลง ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ
อ้างอิง : theguardian, cnn, First Republic Bank
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด