FTC ฟ้อง Amazon ข้อหาผูกขาดทางการค้า

เมื่อวันอังคารที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ หรือ FTC  ยื่นฟ้อง Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ ตั้งข้อหาผูกขาดทางการค้า

ในรายละเอียดของการฟ้องครั้งนี้ FTC และอัยการจาก 17 รัฐ ระบุว่า Amazon ใช้อำนาจผูกขาดทางการค้าและในหลายธุรกิจ เพื่อเพิ่มราคาสินค้า ลดคุณภาพ และกีดกันคู่แข่งอย่างผิดกฎหมาย บ่อนทำลายการแข่งขันทางการค้า

FTC ฟ้อง Amazon ข้อหาผูกขาดทางการค้า

FTC ระบุว่า Amazon ใช้กลยุทธ์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลต่อผู้ขายรายอื่นๆ เช่น ขัดขวางผู้ค้าปลีกออนไลน์รายอื่นๆ ไม่ให้เสนอราคาที่ต่ำกว่าและราคาดีกว่า Amazon ซึ่งแปลว่าจะทำให้ราคาสินค้าบนอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น  

นอกจากนี้ Amazon ยังมีการบังคับผู้ขายให้จ่ายค่าธรรมเนียมการบริการเพื่อรับสัญลักษณ์ Prime เพื่อเอาไปติดบนสินค้าของตน หรือแม้แต่ค่าโฆษณาสินค้าของตนเองที่มีราคาแพง ทำให้จำนวนการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกทั้งผู้ขายต้องจ่ายเงิน 1 ดอลลาร์ จากทุกๆ 2 ดอลลาร์ให้กับ Amazon 

Amazon โต้กลับ 

David Zapolsky ที่ปรึกษาของ Amazon และรองประธานอาวุโสฝ่ายนโยบายสาธารณะทั่วโลก กล่าวในแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับการร้องเรียนของ FTC ว่า “ผิดทั้งข้อเท็จจริงและกฎหมาย”

อีกทั้งยังมองว่าสิ่งที่ FTC บอกว่า Amazon ทำผิดนั้น จริงๆแล้วมันช่วยกระตุ้นการแข่งขันและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมค้าปลีก และทำให้เกิดทางเลือกใหม่ๆมากขึ้น ราคาสินค้าที่ถูก รวมไปถึง ความเร็วในการจัดส่งของ Amazon ที่ลูกค้าจะได้รับนั้น สร้างโอกาสให้กับธุรกิจหลายแห่งที่ขายสินค้าในร้านค้าของ Amazon

แต่หากการฟ้องร้องของ FTC ประสบผลสำเร็จอาจทำให้มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกน้อยลง ราคาสูงขึ้น การส่งมอบที่ช้าลงสำหรับผู้บริโภค และทางเลือกที่ลดลงสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งตรงกันข้าม กับสิ่งที่กฎหมายต่อต้านการผูกขาดได้เขียนไว้ 

Amazon ปฎิเสธข้อกล่าวหาต่างๆโดยอ้างว่างานเขียนและบทความวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆของ  Lina Khan Chairwoman ของ FTC ล้วนมีแต่อคติต่อบริษัท

Amazon เป็นหนึ่งใน 4บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ถูกสอบสวนโดยคณะอนุกรรมการตุลาการ สภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการต่อต้านการผูกขาด ซึ่งพบว่าบริษัทมีอำนาจผูกขาดเหนือผู้ขายที่เป็น บุคคลที่ 3 และซัพพลายเออร์จำนวนมาก เจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ในเวลานั้นกล่าวหาว่า Amazon ต้องการแย่งชิง "competitive moats" โดยการซื้อเว็บไซต์คู่แข่งเช่น Diapers.com และ Zappos

นับตั้งแต่บริษัท Amazon ถูกก่อตั้งขึ้นการดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มขยายและเข้าถึงทุกรูปแบบธุรกิจ เช่น ธุรกิจสุขภาพ สตรีมมิ่งและร้านขายของชำ 

โดยการเข้าซื้อกิจการ One Medical หรือแม้แต่ สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ระดับตำนาน MGM และเครือซูเปอร์มาร์เก็ตหรู Whole Foods จนกระทั่งล่าสุดการเข้าลงทุนในบริษัท Anthropic ที่ให้บริการด้าน AI และเป็คู่แข่งของ OpenAI

อ้างอิง: cnbc

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

นักวิทย์เพาะฟันได้สำเร็จ! ฟันใหม่งอกเหมือนจริง ไม่ต้องผ่าตัดฝังรากเทียม

นักวิทยาศาสตร์จาก King’s College London “เพาะฟัน” ได้สำเร็จในแล็บ ตั้งเป้านำเทคโนโลยีนี้มาใช้ปลูกฟันจริงในอนาคต เพื่อแก้ปัญหาเรื่องฟัน โดยไม่ต้องพึ่งรากเทียม...

Responsive image

Osaka-Kansai Expo 2025 ส่อง 15 ไฮไลต์ห้ามพลาดในงาน

สำรวจทุกไฮไลต์จาก Osaka-Kansai Expo 2025 กับเทคโนโลยีล้ำสมัย พาวิลเลียนระดับโลก มาสคอต Myaku-Myaku และโซนจัดแสดงสุดล้ำที่คุณห้ามพลาด!...

Responsive image

รู้จัก o3 และ o4-mini โมเดล AI เชิงเหตุผลรุ่นใหม่จาก OpenAI

รู้จัก o3 และ o4-mini จาก OpenAI โมเดล AI reasoning รุ่นล่าสุด คิดเป็นระบบ เข้าใจภาพ และตอบแม่นยำกว่าเดิม ก่อนถึงยุค GPT-5...