‘พลังงานฟิวชัน’ จากเทคโนโลยีไกลตัว สู่สิ่งที่ดึงดูดเม็ดเงินจากนักทุนมหาศาล | Techsauce

‘พลังงานฟิวชัน’ จากเทคโนโลยีไกลตัว สู่สิ่งที่ดึงดูดเม็ดเงินจากนักทุนมหาศาล

พลังงานฟิวชัน เคยเป็นเพียงเรื่องที่พูดกันเล่นๆ ว่า "อีกสิบปีก็ยังไม่เกิด" แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นเทคโนโลยีที่จับต้องได้และดึงดูดนักลงทุนจำนวนมาก ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการทดลองที่ประสบความสำเร็จ ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพด้านฟิวชันหลายแห่งได้รับเงินทุนมหาศาล เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าฟิวชันเชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพในการปฏิวัติตลาดพลังงานมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

‘พลังงานฟิวชัน’ จากเทคโนโลยีไกลตัว  สู่สิ่งที่ดึงดูดเม็ดเงินจากนักทุนมหาศาล

แม้ว่าเทคโนโลยีนี้จะยังมีความท้าทายและค่าใช้จ่ายสูง แต่ฟิวชันมีศักยภาพในการผลิตพลังงานสะอาดและไร้ขีดจำกัด หากสตาร์ทอัพสามารถทำให้เป็นจริงได้ พวกเขาก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตลาดพลังงานโลกมูลค่ามหาศาล

การเติบโตของอุตสาหกรรมฟิวชันได้รับการสนับสนุนจาก 3 เทคโนโลยีใหม่:

  • ชิปคอมพิวเตอร์
  • AI ที่ฉลาดขึ้น
  • แม่เหล็กที่ทรงพลัง

เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์มีความซับซ้อนมากขึ้น จำลองสถานการณ์ได้ดีขึ้น มีรูปแบบการควบคุมที่ซับซ้อนขึ้น

ในปลายปี 2022 ห้องปฏิบัติการของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศว่าพวกเขาสามารถสร้างปฏิกิริยาฟิวชันที่ผลิตพลังงานได้มากกว่าพลังงานที่ส่งไปยังเม็ดเชื้อเพลิง การทดลองนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่เรียกว่า "จุดคุ้มทุนทางวิทยาศาสตร์" แม้จะยังห่างไกลจากจุดคุ้มทุนเชิงพาณิชย์ แม้จะยังต้องทำงานอีกมากเพื่อให้ฟิวชันผลิตพลังงานมากกว่าที่ใช้ในโรงงาน แต่ก็เป็นก้าวที่พิสูจน์ว่าความคิดนี้มีความเป็นไปได้และเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น

ความสำเร็จนี้ช่วยให้บริษัทฟิวชันเอกชนเติบโตเร็วขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งได้รับเงินทุนมาก เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าฟิวชันเชิงพาณิชย์ ซึ่งอาจทำให้ตลาดพลังงานโลกเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล

ปัจจุบันสตาร์ทอัพฟิวชันระดมทุนได้รวมกันกว่า 7.1 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทที่โดดเด่น ได้แก่:

  • Commonwealth Fusion Systems (CFS): ได้รับเงินทุนมากที่สุดถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ กำลังสร้างโรงไฟฟ้า Sparc ที่ใช้การออกแบบ Tokamak ซึ่งพัฒนาร่วมกับ MITและคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นทศวรรษ 2030
  • General Fusion: ระดมทุนได้ 440.53 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนทางวิทยาศาสตร์ภายในปี 2026
  • Helion: ระดมทุนได้ 607.64 ล้านดอลลาร์ มีแผนผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายในปี 2028 โดยมี Microsoft เป็นลูกค้ารายแรก
  • TAE Technologies: ระดมทุนได้ 1.32 พันล้านดอลลาร์ และใช้เทคนิค Field-Reversed Configuration แบบปรับแต่ง โดยได้รับการสนับสนุนจาก Alphabet, Chevron Technology Ventures และ Venrock
  • Zap Energy: ระดมทุนได้ 327 ล้านดอลลาร์และใช้กระแสไฟฟ้าในการซ็อตพลาสมา โดยได้รับการสนับสนุนจาก Bill Gates

การลงทุนในสตาร์ทอัพฟิวชันเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของพลังงานฟิวชันที่จะเป็นแหล่งพลังงานสะอาดและยั่งยืนในอนาคต แม้ว่ายังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมาก แต่ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าพลังงานฟิวชันอาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป 

อ้างอิง: techcrunch

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Orb บุกไทย ตั้งใจกลางกรุงเทพฯ ยืนยันตัวตนกับ World ID ได้แล้ววันนี้

World เปิดตัวเทคโนโลยี Proof of Human ที่จะช่วยยืนยันตัวตนมนุษย์ในยุคที่ AI กำลังครองโลกออนไลน์ พร้อมให้บริการ Orb ในไทยแล้วที่ 3 จุดหลักในกรุงเทพฯ...

Responsive image

Intel แต่งตั้ง Lip-Bu Tan ขึ้นเป็น CEO คนใหม่ มุ่งฟื้นฟูบริษัทท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมชิป

Intel Corporation ได้ประกาศแต่งตั้ง Lip-Bu Tan ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ โดยหวังให้ประสบการณ์อันยาวนานของเขาช่วยนำพาบริษัทกลับสู่ความเป็นผู้นำในตลาด...

Responsive image

รู้จัก OsseoLabs สตาร์ทอัพไทยชูเทคโนโลยี ศัลยกรรมกระดูกด้วย AI และ 3D Printing

OsseoLabs กำลังเขย่าวงการศัลยกรรมกระดูกด้วยการนำ AI และเทคโนโลยี 3D Printing มาผสานกันเพื่อยกระดับการรักษา เปลี่ยนแนวคิดสู่ความจริงที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ รวดเร็ว แม่นยำ...