แม้ว่าตอนนี้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะได้รับการพัฒนามาอย่างก้าวกระโดด เปิดโอกาสของการเดินทางยุคใหม่ ซึ่งจะเห็นได้จากการเปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับ Cybercab และรถบัสไร้คนขับ แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นไปได้ว่าอนาคตของรถยนต์ อาจยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองจากผู้ใช้อีกหลายด้าน
รายงาน "อนาคตของยานยนต์ ประจำปี 2024" (THE FUTURE OF AUTOMOTIVE MOBILITY, 2024) โดย Arthur D. Little (ADL) เผยข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจผู้บริโภคกว่า 16,000 คน ใน 25 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 80% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ทั่วโลก ผลการศึกษาชี้ว่าแนวคิด "CASE" (Connected, Autonomous, Shared, Electric) ที่เคยเป็นภาพอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ กำลังถูกท้าทายด้วยความเป็นจริงในทุกด้าน
โดยในด้านความเชื่อมโยง (Connected) แม้รถยนต์ยุคใหม่จะเชื่อมต่อกับโลกดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักใช้สมาร์ทโฟนเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ มากกว่าใช้บริการที่ติดตั้งมาในตัวรถ
ขณะที่ทางด้านระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous) ความกังวลด้านความปลอดภัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการยอมรับ แม้จะมีการพัฒนาในด้านความปลอดภัยและความสามารถในการควบคุมระบบอัตโนมัติ แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีนี้ยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างที่คาดหวัง ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ไร้คนขับที่ได้รับการรายงานในสหรัฐฯ ทำให้ความมั่นใจของผู้บริโภคลดลง
รายงานชี้ว่า บริโภคส่วนใหญ่พึงพอใจกับระบบช่วยขับขั้นสูง (L2/L3) มากกว่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (L4/L5)
ส่วนทางด้านการใช้รถร่วมกัน (Shared) รายงานชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคในประเทศพัฒนาแล้วเริ่มให้ความสนใจกับการแบ่งปันรถยนต์หรือบริการ Ride-Hailing มากขึ้น แต่ก็ยังไม่แทนที่การเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคลได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา รถยนต์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเมืองที่การขนส่งสาธารณะยังไม่เพียงพอ
และในทางด้านรถยนต์ไฟฟ้า (Electric) ที่เป็นตัวแปรสำคัญของการเดินทางยุคใหม่ แม้รถไฟฟ้าล้วน (BEV) จะได้รับความนิยมในยุโรป และจีน แต่ยังมีอุปสรรคด้านราคา อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และระยะทางการวิ่ง ซึ่งในยุคเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนเช่นนี้ จะมีรถประเภท PHEV และ HEV เป็นตัวช่วยผลักดัน
รายงานระบุว่า แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยังคงมีผู้บริโภคที่เลือกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ขนาดใหญ่และ SUV
รายงานยังเผยให้เห็นแนวโน้มที่น่าสนใจอย่าง การซื้อขายรถยนต์ออนไลน์ที่กำลังเติบโต ผู้บริโภคหลายคนเริ่มเห็นประโยชน์จากความสะดวกและความโปร่งใสที่เกิดจากการซื้อผ่านช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะในประเทศที่มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างกว้างขวาง เช่น จีนและอินเดีย ผู้บริโภคในกลุ่มอายุ 30-44 ปีเป็นกลุ่มที่เปิดกว้างที่สุดต่อการซื้อรถยนต์ออนไลน์ ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุยังคงยึดติดกับการซื้อขายผ่านช่องทางแบบดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับการได้รับคำปรึกษาโดยตรงและการทดสอบรถก่อนการตัดสินใจซื้อ ในประเทศไทย การซื้อขายรถยนต์ผ่านช่องทางดิจิทัลอาจยังไม่แพร่หลายมากเท่ากับในประเทศพัฒนาแล้ว แต่เป็นแนวโน้มที่น่าสนใจในอนาคต
โดยสรุปแล้ว การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ แม้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะก้าวกระโดดและนำเสนอภาพลักษณ์ของการเดินทางแห่งอนาคต แต่ยังมีอุปสรรคหลายประการที่ต้องเผชิญ ทั้งในด้านการยอมรับของผู้บริโภค ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย และข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การชาร์จไฟและการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า ในหลายประเทศ การเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคลยังคงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การขนส่งสาธารณะยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ
อ้างอิง : รายงาน THE FUTURE OF AUTOMOTIVE MOBILITY, 2024 โดย Arthur D. Little (ADL)
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด