Gartner เผย NFT เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจและสังคมในช่วง 2-10 ปีข้างหน้า | Techsauce

Gartner เผย NFT เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจและสังคมในช่วง 2-10 ปีข้างหน้า

Gartner เผยสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำซ้ำไม่ได้ (Nonfungible tokens - NFTs) มนุษย์ดิจิทัล (Digital Humans) และ Physics-Informed AI เข้ามาร่วมเป็น 25 เทคโนโลยีในวงจรเทคโนโลยีเกิดใหม่ของปีนี้  

ไบรอัน เบิร์ค รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ อิงค์ 

เมื่อต้นปีบริษัทรับจัดประมูลชั้นนำอย่าง “คริสตีส์” ได้เปิดประมูลผลงานชิ้นเอกสองชิ้น ซึ่งการประมูลครั้งนี้เปิดรับสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ด้วย พร้อมยังเสนอขายงานศิลปะที่สร้างสรรค์ด้วยดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยี nonfungible token (NFT)

ผลงานของศิลปินดิจิทัล “บีเพิล (Beeple)” สามารถขายได้สูงกว่า 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท) ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการสร้างรายได้แบบใหม่ และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นระบบนิเวศดิจิทัลใหม่ทั้งหมด

NFT เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชนที่มีความเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับทรัพย์สินในโลกความเป็นจริง เช่น ศิลปะดิจิทัลหรือดนตรีดิจิทัล รวมถึงสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่จับต้องได้และแปลงเป็นเหรียญโทเคน อาทิ บ้านหรือรถยนต์ ในกรณีของผลงานศิลปะ เทคโนโลยี NFT จะตรวจสอบที่มา ความเป็นเจ้าของ และการเข้าถึง ซึ่ง NFTs จะใช้บล็อกเชนสาธารณะที่ไม่สามารถแก้ไขหรือดัดแปลงได้ ในเดือนที่ผ่านมาตลาดนี้มีมูลค่าสูงมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท)

อ่านเพิ่มเติมที่ : 2020-2022 Emerging Technology Roadmap for Large Enterprises

NFTs ยังเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในวงจรการพัฒนาเทคโนโลยีเกิดใหม่ของการท์เนอร์ในปี 2564 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเทคโนโลยีสุดล้ำถึง 25 รายการที่จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อการทำธุรกิจและสังคมในช่วง 2-10 ปีข้างหน้านี้

ไบรอัน เบิร์ค รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์กล่าวว่า "มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นความท้าทายแม้กระทั่งองค์กรที่เน้นนวัตกรรมเป็นหลัก ซึ่งการที่องค์กรต่าง ๆ มุ่งเน้นเรื่องการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัลหมายความว่าคุณต้องเร่งสปีดในการเปลี่ยนแปลงและก้าวข้ามผ่านเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงเหล่านี้ด้วย”

 เทคโนโลยีต่าง ๆ ในปีนี้ นั้นได้รับการคัดเลือกโดยพิจารณาถึงศักยภาพในการสร้างประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้าง ภายใต้ 3 แกนหลัก ดังนี้:

  1. ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม (Engineering trust)
  2. การเติบโตอย่างเร่งด่วน (Accelerating growth)
  3. การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง (Sculpting change)

ธีม 1: ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม

ทีมไอทีในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัล พวกเขาจะต้องออกแบบและพัฒนาแกนหลักของธุรกิจให้เป็นที่มั่นใจให้ได้ ซึ่งต้องมีทั้งความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ และต้องสร้างขึ้นโดยยึดแนวทางปฏิบัติในด้านการทำงานที่สามารถทำซ้ำ พิสูจน์ ปรับขนาดได้ และมุ่งเน้นนวัตกรรม โดยแนวทางปฏิบัติเหล่านี้จะสร้างแกนหลักและรากฐานธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสำหรับไอทีเพื่อส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจต่อไป

ตัวอย่างเช่น ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แบบเรียลไทม์เป็นบริการหนึ่งที่ช่วยให้รับทราบสถานการณ์เกี่ยวกับองค์กรโดยรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยทั่วไปแล้ว องค์กรด้านความปลอดภัยแบบสาธารณะจะมีวิธีการเก็บรวบรวมฐานข้อมูล เซ็นเซอร์ วิดีโอ และมีระบบสื่อสารของตนสำหรับสร้างเป็นศูนย์บัญชาการฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม บริการนี้ยังช่วยลดความซับซ้อนของฟังก์ชันเรียลไทม์ของศูนย์บัญชาการ โดยเริ่มต้นมาจากการสร้างศูนย์เรียลไทม์ยุคใหม่เพื่อลดปัญหาด้านอาชญากรรม อย่างไรก็ดีมีรูปแบบการนำไปใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ นำไปใช้ในการจัดการไฟป่า ภัยธรรมชาติ กิจกรรมหรืองานพิเศษต่าง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรับมือกับการแพร่ระบาด

ความท้าทายสำคัญของเทคโนโลยีนี้คือความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลทั้งหมด (อาทิ ข้อมูลพื้นฐาน วิทยุ IoT การแจ้งเตือนจำนวนมาก เครื่องอ่านป้ายทะเบียน และการติดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์) มักเป็นของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ถึงอย่างไรศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ที่เป็นบริการนี้ยังสามารถปรับปรุงและพัฒนาเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้

อ่านเพิ่มเติมที่ Data Fabric Architecture is Key to Modernizing Data Management and Integration

เทคโนโลยีอื่น ๆ ที่อยู่ในธีม “ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม” ได้แก่ Sovereign Cloud, Homomorphic Encryption และ Data Fabric.

ธีม 2: การเติบโตอย่างเร่งด่วน (Accelerating growth)

หากแกนหลักธุรกิจมีความน่าเชื่อถือแล้ว ผู้นำไอทีและซีไอโอต้องมุ่งเน้นที่ความคิดริเริ่มใหม่ ๆ สำหรับใช้ขับเคลื่อนการเติบโตให้กับองค์กร นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงทางเทคโนโลยีกับความเสี่ยงทางธุรกิจ และต้องสร้างความมั่นใจได้ว่าเป้าหมายการเติบโตขององค์กรยังคงเป็นไปได้และจะบรรลุผลสำเร็จตามแผน

ลองพิจารณาถึง มนุษย์ดิจิทัล (Digital Humans) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้คนในแบบดิจิทัล โดยเทคโนโลยีนี้มอบโอกาสให้กับบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตและเปิดช่องทางหารายได้ใหม่ ๆ พวกเขาสามารถเป็นอวาตาร์ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ หรืออินเทอร์เฟซผู้ใช้ในกระดานการสนทนา อาทิ แชทบ็อตหรือลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งการโต้ตอบในลักษณะนี้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI โดยมีพฤติกรรมแบบเดียวกับมนุษย์ ซึ่งพัฒนามาจากเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึง UI การสนทนา CGI และแอนิเมชั่น 3 มิติแบบเรียลไทม์อัตโนมัติ

มีรูปแบบการใช้งานเกิดขึ้นมากมายสำหรับเทคโนโลยีฮิวแมนนอยด์ในการฝึกอบรมของฝ่ายบุคคล การสื่อสาร การดูแลทางการแพทย์ และการบริการลูกค้า โควิด-19 ผลักดันศักยภาพของเทคโนโลยีและเปิดประสบการณ์ไร้สัมผัส เพื่อต่อสู้กับความโดดเดี่ยวทางด้านสังคมและการดูแลผู้สูงอายุ มนุษย์ดิจิทัลได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์สารคดี แสดงในงานประชุม และทำหน้าที่เป็นผู้มีอิทธิพลต่อแบรนด์ นอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ยังพัฒนาไปไม่สุดแล้ว ยังมีอุปสรรคทางสังคมและความกังวลด้านจริยธรรมที่ฉุดรั้งและสร้างความท้าทายให้กับมนุษย์ดิจิทัล แต่ศักยภาพในการสร้างผลกระทบและความแตกต่างทางธุรกิจกำลังผลักดันให้บางองค์กรไล่ตามเทคโนโลยีนี้

เทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้ธีม “การเติบโตอย่างเร่งด่วน” ได้แก่ Multi-experience, Industry Cloud และ Quantum ML

ธีม 3: การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง (Sculpting change)

การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ กุญแจสำคัญคือเราต้องตระหนักถึงการหยุดชะงักและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับแต่งและจัดการกับสิ่งใดก็ตามที่อาจก่อให้เกิดความปั่นป่วน โดยคุณต้องคาดการณ์และปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดความเสี่ยง

ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี Physics-Informed AI (PIAI) คือ AI ที่ใช้สร้างแบบจำลองทางกายภาพและทางวิทยาศาสตร์ได้ โดย PIAI ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในฐานะตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสำหรับการสร้างแบบจำลองในระบบที่มีความซับซ้อน เช่น ปัญหาด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งยากต่อการสร้างแบบจำลองเมื่อพิจารณาจากรายละเอียด

อ่านเพิ่มเติม: How to Make AI Trustworthy

โมเดล AI ดิจิทัลแบบดั้งเดิมมีความสามารถในการปรับตัวที่จำกัด เนื่องจากไม่สามารถสรุปข้อมูลทั่วไปได้นอกเหนือจากข้อมูลที่ถูกป้อนและสอนมา PIAI สร้างรูปแบบการนำเสนอในบริบทของผลิตภัณฑ์ทางกายภาพที่เชื่อถือได้มากขึ้น โควิด-19 ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนของโมเดลธุรกิจที่เปราะบาง แต่ PIAI สร้างรูปแบบการนำเสนอในบริบทและนำเงื่อนไขต่าง ๆ มาปรับใช้เพื่อช่วยให้ระบบทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบที่ปรับเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างระบบจำลองการทำธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและปรับแต่งได้ โดยมีความน่าเชื่อถือสำหรับสถานการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ ในธีมนี้ ประกอบด้วย Composable Applications, Composable Networks และ Influence Engineering.

 


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สภาดิจิทัลฯ ผนึกกำลังรัฐบาล ตั้งเป้าดันไทยสู่ Digital Hub แห่งอาเซียนภายใน 3 ปี

ในขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเร่งพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัล ประเทศไทยก็ไม่ยอมนิ่งนอนใจ ล่าสุดสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (สภาดิจิทัลฯ) นำโดย ...

Responsive image

OpenAI ท้าชน Google เปิดตัว ChatGPT Search พลัง AI ใช้ง่าย แม่นยำ ทันสมัย พร้อมใช้งานวันนี้

OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ค้นหา ChatGPT Search ท้าชน Google ในตลาด Search Engine ด้วยความสามารถที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว แม่นยำและให้ข้อมูลที่ทันสมัย พร้อมให้ใช้งานจริงได้แล้ววันนี้!...

Responsive image

ทำไมสิงคโปร์ ถึงกลายเป็นที่ลงทุนด้าน Deep Tech จากทั่วโลก ?

แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่การลงทุนเกิดการชะลอตัว แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘สิงคโปร์’ ที่กำลังผงาดขึ้นอย่างเงียบๆ ในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “Deep Tech” ซึ่งเป็...