ล่าสุดมีประเทศใน EU ออกมาระงับการใช้งานของวัคซีนตัวดังกล่าวเพิ่มแล้ว ทั้งในเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ที่เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ได้ออกมายืนยันระงับการฉีด AstraZeneca แล้วในประเทศ ซึ่งมีผลมาจากประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรปที่ได้พบว่าผู้รับวัคซีนมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นหลายอาการ ทั้งเส้นเลือดอุดตัน เกล็ดเลือดต่ำ หรือในบางรายถึงขั้นเสียชีวิต
แต่เมื่อไม่นานมานี้ทาง AstraZeneca และ WHO ก็ได้ออกมาแจ้งแล้วว่ายังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าผลข้างเคียงดังกล่าวเกิดจากการรับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ตัวนี้
และจากการที่หลาย ๆ ประเทศใน EU พบกับผลข้างเคียงที่ไม่น่าพอใจจากการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนส่งผลให้ตอนนี้เกิดความกังวลในเรื่องของความล่าช้าของการแจกจ่ายวัคซีนใน EU นอกจากนี้ทาง WHO ยังออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ต้องการให้แต่ละประเทศงดหรือระงับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ตอนนี้ไวรัสร้ายตัวนี้ได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 2.7 ล้านคนทั่วโลกแล้ว
ซึ่งจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนของ AstraZeneca ในยุโรปตอนนี้นั้นมีประมาณ 5 ล้านคน แต่พบจำนวนผู้ที่มีอาการเส้นเลือดอุดตันเพียง 30 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยมาก ดังนั้น การระงับการรับวัคซีนอาจจะทำให้เกิดความล่าช้าในการหยุดเชื้อไวรัส และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19 มากขึ้นไปอีก
ณ ตอนนี้มีประเทศในยุโรปที่ได้ระงับการฉีดไปแล้ว คือ เยอรมนี ฝรั่งเศส ไอส์แลนด์ บัลแกเรีย ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย สเปน โดยมีประเทศที่พบคนเสียชีวิตแล้วหลังจากการฉีดวัคซีน คือ เดนมาร์ก นอร์เวย์ และอิตาลี ในขณะเดียวกันทางสหราชอาณาจักร และโปแลนด์ กำลังอยู่ในช่วงของการตรวจสอบความเสี่ยงของวัคซีนดังกล่าว
ในด้านของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนนี้ อินโดนีเซียก็กำลังรอการยืนยันความปลอดภัยจากทาง WHO และในด้านของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีของไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประเดิมฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ AstraZeneca เป็นคนแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2021 ทั้งนี้ต้องการเรียกความเชื่อมั่นของคนไทยกับการฉีดวัคซีน
อ้างอิง: REUTERS
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด