Google จับมือรัฐบาลและพันธมิตร ริเริ่ม 6 โครงการ เสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทย | Techsauce

Google จับมือรัฐบาลและพันธมิตร ริเริ่ม 6 โครงการ เสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

ภายในงาน Google for Thailand ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย Google ได้ประกาศโครงการริเริ่ม 6 โครงการเพื่อช่วยให้คนไทยและภาคธุรกิจเข้าถึงโอกาสในยุคดิจิทัลและมีส่วนร่วมผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฯพณฯ กลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และผู้บริหาร Google เข้าร่วมงานในครั้งนี้

เบน คิง Country Director, Google ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการริเริ่มเหล่านี้ครอบคลุมพันธกิจหลัก 4 ด้านของบริษัทฯ ได้แก่ การสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี การส่งเสริมด้านการศึกษา การพัฒนาเนื้อหาและผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยทั้งหมดนี้ได้ถูกพัฒนามาเพื่อให้มั่นใจว่าคนไทยทุกคนจะมีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันเพื่อทำให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้น Google มุ่งมั่นสนับสนุนการเติบโตของไทยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้วยโครงการริเริ่มเหล่านี้

1. สร้างโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยี (Access)

นับเป็นประเทศที่ 4 ของโลก ที่ Google Station ประกาศเปิดตัว โดยร่วมมือกับ CAT เพื่อให้บริการ Wi-Fi ความเร็วสูงฟรี ในพื้นที่สาธารณะ  

อันจาลี โจชิ รองประธานฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ Next Billion Users ของ Google กล่าวว่า “Google มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นด้วยการริเริ่มโครงการ Google Station โดยร่วมมือกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เพื่อให้บริการ Wi-Fi สาธารณะความเร็วสูง ภายใต้การสนับสนุนจากบริษัทยูนิลีเวอร์ ในเบื้องต้นจะให้บริการในพื้นที่ต่างๆ 10 แห่งในกรุงเทพฯ พิจิตร และเลย และจะขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มเติมไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียรโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายกันได้มากขึ้น”

2. การส่งเสริมด้านการศึกษา (Education &Skilling)

เบนคิง กล่าวว่า  “เรากำลังสร้างศูนย์บ่มเพาะทักษะดิจิทัลที่มีชื่อว่า Academy Bangkok - A Google Space ภายในโครงการ True Digital Park กรุงเทพฯ เพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมผู้เข้าร่วมโครงการ Google Ignite ซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมทักษะด้านการตลาดดิจิทัลสำหรับนักศึกษาระยะเวลา 2 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าทำงานจริงกับบริษัทที่ว่าจ้าง นอกจากนี้เราจะใช้ศูนย์ฯ นี้เป็นสถานที่ฝึกอบรมโครงการอื่นๆ ของ Google ในด้านต่างๆ อาทิ ทักษะนักพัฒนาซอฟท์แวร์ และระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง และหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในปีนี้แล้ว ศูนย์ฯ จะรองรับผู้เข้าฝึกอบรมได้ถึง 200 คนในแต่ละครั้ง”

3. การพัฒนาเนื้อหาและผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ (Localized products & Local content)

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจบันเทิง YouTube ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อสนับสนุนเครือข่ายชุมชน YouTube ในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จะเปิดตัว YouTube Pop-Up Space อีกครั้งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้บรรดาครีเอเตอร์ชาวไทยสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีในการผลิตวิดีโอที่ล้ำสมัย นอกจากนี้ Google ประเทศไทย ยังเตรียมจัดโครงการฝึกอบรมสำหรับครีเอเตอร์ เช่น YouTube NextUp ซึ่งเป็นการฝึกอบรมระยะเวลา 8 สัปดาห์ เพื่อให้คำปรึกษาแก่ครีเอเตอร์เกี่ยวกับเทคนิคในการก้าวขึ้นเป็นผู้มีชื่อเสียงบน YouTube และโครงการ Creators for Change โครงการที่ส่งเสริมให้ตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ในสังคมในปัจจุบัน

นอกจากนี้เราได้ร่วมมือกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS เพื่อนำเสนอแพ็คเก็จการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไม่จำกัดสำหรับผู้ใช้แอปพลิเคชัน YouTube Go ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียง 9 บาทต่อวันเท่านั้น แอปพลิเคชัน YouTube Go ทำให้ผู้ใช้งานรับชมและแชร์วิดีโอบน YouTube ได้แม้จะมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ช้าหรือไม่มีเลยก็ตาม”

ด้าน คริช ไวทอลเดอวาร่า หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ Google Maps สำหรับกลุ่ม Next Billion Users ได้แนะนำโหมดการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดบน Google Maps ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในประเทศไทยที่มีอยู่กว่า 20 ล้านคนวางแผนการเดินทางได้ดีขึ้นโดยใช้ทางลัดและตรอกซอกซอยเล็กๆ ที่มีเพียงแค่รถจักรยานยนต์ที่สามารถผ่านได้ และสามารถคำนวณเวลาเดินทางได้แม่นยำมากขึ้น

โหมดการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์บน Google Maps

ประเทศไทยมีรถจักรยานยนต์จำนวนมากมายวิ่งสัญจรบนท้องถนน โดยมีผู้ใช้จักรยานยนต์ทั่วประเทศจำนวนกว่า 20 ล้านคน

  • ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อาจไม่ได้ใช้เส้นทางสัญจรเหมือนกับผู้ที่ขับรถยนต์ และถึงแม้ว่าจะใช้เส้นทางเดียวกัน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ก็อาจใช้เวลาในการจราจรและความเร็วในการขับขี่ที่แตกต่างจากผู้ที่ขับรถยนต์
  • ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มักมีการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่
  • ในประเทศไทย รถจักรยานยนต์มักไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ทางด่วนและเส้นทางหลวงพิเศษ

โหมดการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์บน Google Maps จะช่วยให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศไทยค้นหาเส้นทางในการเดินทางและดูการนำทางแบบโค้งต่อโค้ง ซึ่งออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ เพื่อให้คำแนะนำเส้นทางที่ดีกว่าเดิมและช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

1. เส้นทางที่ชาญฉลาดขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โหมดการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์บน Google Maps ใช้แมชชีนเลิร์นนิงในการค้นหาเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ รวมถึงทางลัดที่รถยนต์หรือพาหนะอื่นๆ ที่ใหญ่กว่าไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางน้อยลงและได้รับการแนะนำเส้นทางที่สะดวกมากขึ้น

2. ใช้สถานที่สำคัญเพื่อการแนะนำเส้นทาง ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มักใช้สถานที่สำคัญเป็นจุดสังเกตเพื่อให้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางได้ง่ายขึ้น ผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะเห็นสถานที่สำคัญต่างๆ ตามเส้นทางการเดินทาง ซึ่งช่วยให้ทำความเข้าใจเส้นทางก่อนออกเดินทางได้ดีกว่าเดิม ทำให้ไม่ต้องเปิดดูโทรศัพท์ขณะขับขี่

3. คาดคะเนเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างแม่นยำ โหมดการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์จะแสดงตัวเลือกมากขึ้นเมื่อค้นหาเส้นทาง (เช่น เลือกจากถนนที่อาจไม่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ เป็นต้น) และคำนวณความเร็วบนถนนสำหรับรถจักรยานยนต์ ด้วยความสามารถนี้พร้อมด้วยเส้นทางการเดินทางที่ปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จะทำให้การคาดคะเนเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทางแม่นยำมากขึ้น

4. การสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small Business digitization)

ไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด, Google ประเทศไทย กล่าวว่า Google ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุน SME และ Startup ไทยอยู่เสมอ โดยเคยออกโปรแกรมช่วยเหลือ Startup อย่าง Google for Entrepreneurs ที่ร่วมมือกับ HUBBA Thailand จัดทำ Co-working Space ให้การสนับสนุนการทำงานของสตาร์ทอัพ และ โปรแกรม Google Launchpad Accelerator เป็นโปรแกรมอบรมระยะเวลา 6 เดือน ให้ Startup ไทยทำงานได้ประสบความสำเร็จ และล่าสุดโครงการ Indie Games Accelerator ที่เน้นช่วย Startup เกมส์โดยเฉพาะ

สำหรับ SME นั้น Google ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการผลักดันให้ SME ประสบความสำเร็จ เพราะ SME เป็นเสาหลักของประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการจ้างงาน โดยคุณไมเคิลได้ให้ข้อมูลว่า กว่า 99.7% ของธุรกิจในไทย เป็น SME และสามารถสร้าง GDP ถึง 42% มีการขยายตัวเร็วกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ถึง 1.7 เท่า และสร้างการจ้างงานถึง 78%

แต่กลับมีอีกหลายๆ ธุรกิจที่ไม่สามารถเข้าถึงดิจิทัลได้ง่าย เพราะยังมีหน้าร้านเป็นหลัก ดังนั้นจึงมี Google My Business  บริการฟรีจาก Google ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ มีตัวตนบนโลกออนไลน์ทั้งบน Google Search และ Google Maps ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงร้านค้าพวกนี้ได้ง่ายขึ้น โดย 4 ปีที่ผ่านมา Google My Business มีฟีเจอร์หลักๆ 3 อย่างคือ

  1. ช่วยให้ธุรกิจโดดเด่นขึ้น ด้วยการให้ข้อมูลของธุรกิจและ สร้างเว็บไซต์ได้ฟรี
  2. ช่วยให้ SME เชื่อมต่อกับลูกค้าได้ ด้วยการโทร ตอบแชท เขียน Review และการทำ Q&A
  3. ดึงลูกค้าใหม่ๆ ด้วยข้อมูล insight ดูว่าลูกค้ามาจากไหน มีพฤติกรรมอย่างไร

นอกจากนี้ คุณไมเคิล ยังได้ประกาศความร่วมมือของ Google My Business กับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมในไทย สามารถลงทะเบียนและรับการตรวจสอบความถูกต้องได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ทุกสาขา

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

10 Tech Event ในเอเชีย ที่สายเทคฯ ธุรกิจ ไม่ควรพลาด ปี 2024

เพราะเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง องค์กรจึงต้องหมั่นอัปเดตเทรนด์ความรู้ใหม่ ๆ วันนี้ Techsauce คัดสรร 10 งานประชุมเทคโนโลยีระดับเอเชีย ที่สายเทคไม่ควรพลาดในปี 2024 รวมไว้ในบทความเดียวก...

Responsive image

SCBX ไตรมาส 1 ปี 67 กำไร 11,281 ล้านบาท เตรียมลุย 'Virtual Bank' พร้อมก้าวสู่องค์กร AI-First Organization

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2567 จำนวน 11,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อน...

Responsive image

เปิดตัว Meta AI ใหม่ ถามได้ทุกเรื่อง สร้างภาพได้ทุกอย่าง ใช้ได้ทุกแอปฯ​ โซเชียลของ Meta

สำหรับ Meta AI เป็นแชทบอทที่เคยเปิดตัวให้เห็นครั้งแรกในงาน Connect 2023 ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) อย่าง Llama 2 แต่ล่าสุดได้มีการอัปเกรดไปใช้โมเดลภาษาใหม่ Llama 3...