Grab แอปเรียกรถยอดนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดใช้ฟีเจอร์ Digital Wallet ที่รองรับเทคโนโลยี Web 3.0 บนแอปพลิเคชัน โดยจะเริ่มต้นใช้งานที่สิงคโปร์ ผ่านความร่วมมือกับธนาคารกลางสิงคโปร์ในการดำเนินการ
การเพิ่ม Digital Wallet ที่รองรับเทคโนโลยี Web3.0 เป็นความร่วมมือระหว่าง Grab และธนาคารกลางสิงคโปร์ ( Monetary Authority of Singapore) เพื่อทำ NFT vouchers สำหรับใช้ซื้ออาหารและทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสิงคโปร์
ความร่วมมือระหว่าง Grab และ ธนาคารกลางของสิงคโปร์ เริ่มมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยมีสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำการทดลองและจะนำมาใช้ด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ Deposit Token, Stablecoin และ CBDC ซึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มมานี้รองรับเทคโนโลยี Blockchain
ก่อนหน้านั้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาธนาคารกลางของสิงคโปร์ได้ออกกฎระเบียบในการควบคุม Stablecoin ที่รองรับเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยผู้ออกเหรียญ stablecoin จะต้องมีทรัพย์สินหรือเงินสำรอง ที่เพียงพอ เพื่อรักษามูลค่าของ stablecoin ที่ออก และต้องมีความโปร่งใส รวมทั้งจัดสรรไว้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์หรือขั้นต่ำ 50% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประจำปี
การเพิ่มบริการและฟีเจอร์ของ Grab อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่การเป็น Super App ในอนาคต ซึ่งนอกจากนี้ Grab ยังได้ร่วมมือกับ Amazon ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและ Fazz บริษัททางการเงิน
ในภูมิภาคอาเซียนเพื่อทดสอบระบบการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลแบบใหม่ที่เรียกว่า Purpose Bound Money (การใช้งานเงินดิจิทัลที่ระบุวัตถุประสงค์ เช่น ระยะเวลาที่ใช้ได้ และประเภทของร้านค้าที่สามารถใช้ได้)
นอกจากนี้ Grab ร่วมมือในการทำ Wallet กับแพลตฟอร์ม Polygon ผู้เป็นเจ้าของเหรียญคริปโท MATIC เนื่องจากค่าธรรมเนียมถูกและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คนได้
ปัจจุบัน Grab มีผู้ใช้งานที่ทำธุรกรรมต่อเดือนมากกว่า 34.9 ล้านราย ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 บริษัทเริ่มดำเนินการใน 500 เมือง พร้อมทั้งยังคงให้บริการส่งอาหาร จัดส่งพัสดุ บริการชำระเงินออนไลน์ และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย
อ้างอิง: theblock, crypto.news, coinmarketcap
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด