Grab เผยเทรนด์ Fintech พร้อมสินเชื่อช่วยคนขับ Grab ที่ปรับโครงสร้างหนี้ให้ในช่วงขาดรายได้ | Techsauce

Grab เผยเทรนด์ Fintech พร้อมสินเชื่อช่วยคนขับ Grab ที่ปรับโครงสร้างหนี้ให้ในช่วงขาดรายได้

ช่วง Covid-19 เหมือนอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ทำให้ธุรกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการขนส่งเติบโตขึ้นมาก สำหรับ Grab หนึ่งในเเพลตฟอร์มด้านการขนจึงไม่เคยหยุดนิ่งที่จะกปรับเปลี่ยนแผนอยู่ตลอดเวลาเพื่อทันต่อการเติบโตนี้ โดยยึดจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังหันมาใช้บริการ Grab เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในชีวิตมากขึ้น

ดังนั้น การหา Solution และการพัฒนาระบบให้ตอบโจทย์ผู้ใช้รวมถึงมาตรการช่วยเหลือคนขับ Grab ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวสำคัญของบริษัทเป็นสิ่งที่ Grab ได้ตั้งไว้เป็นเเผนหลักตอนนี้

ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือของ Grab ได้จัดทำสินเชื่อเพื่อครอบครัวคนขับ Grab ที่สามารถปรับโครงสร้างนี้ได้อย่างยืดหยุ่นตอบโจทย์ภาระช่วงขาดรายได้ แถมไม่ต้องลำบากสมัครเพื่อขอรับ แต่ทางบริษัท Grab เองจะดูจากฐานข้อมูล Data จากการทำงานผ่านระบบ Grab ของคนขับทั้งรายได้แต่ละเดือนรวมถึงพฤติกรรมจากการทำงาน เพื่อพิจารณาและเสนอเข้าไปให้คนขับเองอัตโนมัติ มาตรการสินเชื้อนี้เกิดขึ้นจากความเข้าใจของผู้บริหารถึงการเป็นหนี้เสีย จากการกู้นอกระบบของผู้มีรายได้ไม่ประจำและการเข้าไม่ถึงสินเชื่อธนาคาร 

โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เกิดวิกฤตทำให้คนขับ Grab ได้รับผลกระทบด้านรายได้ช่วงปิดเมือง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้หยุดชะงัก การเดินทางลดลง ไม่ใช่เพียงนักท่องเที่ยวแต่รวมไปถึงคนภายในประเทศด้วย

นอกจากนี้ Grab ได้สร้างปรากฏการหลังจากเปิดตัวการจ่ายเงินผ่าน GrabPay Wallet ผ่านไปเพียง 1 ปีลูกค้ามากกว่าครึ่งของเรานั้นหันมาใช้การจ่ายเงินแบบ โดยมีสัดส่วนการชำระเงินแบบไร้เงินสดบนแพลตฟอร์ม Grab แบ่งเป็น ชำระเงินผ่านวอลเล็ต 35% และผ่านบัตรเครดิต และบัตรเดบิต 65% 

ปัจจุบันผู้สมัครเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์คนขับแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้  71% เลือกรับงาน Part-time คือมีระยะเวลาในการให้บริการน้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่ 29% ของพาร์ทเนอร์ตั้งใจใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Grab เป็นช่องทางในการหารายได้หลักโดยรับงาน 8 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป โดยกลุ่มนี้รวมถึงพาร์ทนอร์คนขับ Grab แท็กซี่ ซึ่งส่วนใหญ่ขับรถรับจ้างเป็นอาชีพอยู่แล้ว

3 มาตรการหลักเพื่อปรับเปลี่ยนของ Grab ให้ตอบโจทย์สถานการณ์ปัจจุบันและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

1. ความใส่ใจสุขภาพเร่งการเติบโตของสังคมไร้เงินสด

•    การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้คนมีความกังวลเรื่องสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการระมัดระวังขึ้นเรื่องการสัมผัสสิ่งต่างๆ ส่งผลให้การชำระเงินแบบไร้เงินสด ทั้งพร้อมเพย์ และ mobile banking ของธนาคาต เติบโตอย่างก้าวกระโดด

•    ในช่วงเมษายน – มิถุนายน 2563 ธุรกรรมผ่าน GrabPay Wallet โตขึ้นหนึ่งเท่าตัว เมื่อเทียบกับการใช้งาน Mobile Banking ทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 69% ในรอบปีที่ผ่านมา

•    จากธุรกรรมผ่าน GrabPay Wallet ที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ทำให้สัดส่วนธรุกรรมแบบไร้เงินสด (รวมทั้งวอลเล็ต บัตรเครดิตและบัตรเดบิต) เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 50% ของธุรกรรมทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม Grab ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นหลังจากเปิดให้บริการ GrabPay อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 2563

•    โดยที่การใช้จ่ายผ่าน GrabPay Wallet เพิ่มมากขึ้นเกินเท่าตัว เทียบจากช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน

•    GrabPackages หรือแพ็คเกจส่วนลดเติบโตขึ้น 3 เท่าตัว โดยเริ่มมียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดตั้งแต่เริ่มมาตรการล็อคดาวน์ในเดือนเมษายน และปัจจุบันยังคงมีการใช้งานต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคย รวมถึงเห็นความสะดวกและคุ้มค่า

2. การปรับแผนทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายอย่างทันท่วงทีด้วยสินเชื่อเพื่อคนขับ Grab

•    การหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบในวงกว้าง ทุกธุรกิจจึงต้องปรับแผนอย่างเร่งด่วนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และช่วยเหลือกลุ่มลูกค้า เนื่องจากมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ภาระเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Underserved ที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ หนึ่งในกลุ่มนั้นคือ พาร์ทเนอร์คนขับ

•    Grab มีฐานข้อมูลของคนขับจำนวนมาก เราจึงเห็นว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รายได้เฉลี่ยของพาร์ทเนอร์คนขับได้รับผลกระทบทันที Grab ได้ออกมาตรการพักชำระหนี้แก่กลุ่มนี้ ซึ่งส่วนมากเป็นพาร์ทเนอร์ที่ให้บริการเดินทาง จากนั้น เมื่อผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ส่งผลกระทบในวงกว้างขึ้น ก็ได้ขยายความช่วยเหลือให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

•    รูปแบบของมาตรการช่วยเหลือมีตั้งแต่การเว้นการชำระ (ชำระแบบวันเว้นวัน) ไปจนถึงการหยุดพักชำระหนี้ 1-3 เดือน  

•    Grab ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ได้พักชำระหนี้แก่พาร์ทเนอร์คนขับกว่า 20,000 ราย  โดยในเดือนมิถุนายนซึ่งเริ่มคลายมาตรการล็อคดาวน์ เราเห็นรายได้เฉลี่ยของคนขับบางส่วนเริ่มฟื้นตัวกลับมา จึงได้ปลดล็อคการพักชำระหนี้ โดยในขณะนี้มีประมาณ 70% ที่กลับมาชำระได้ตามปกติ ในขณะที่อีก 30% ยังคงพักชำระหนี้อยู่และแกร็บมีแผนที่จะปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่กลุ่มนี้ต่อไป

•    ในช่วงที่มีการล็อคดาวน์ Grabได้ติดตามข้อมูลของคนขับ และพบว่ามีจำนวนหนึ่งที่เดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัด เมื่อเราเห็นปริมาณการใช้งานบนแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้น จึงได้สื่อสารกับพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเชิญชวนให้กลับมาทำงานและมีรายได้ที่สม่ำเสมอ

•    Grab ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับเมืองไทยประกันชีวิต ในการมอบประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่มเพื่อคุ้มครองรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและพาร์ทเนอร์ผู้จัดส่งอาหาร-พัสดุ กว่า 60,000 คน โดยมอบเงินชดเชย 500 บาทต่อวัน สูงสุด 15 วัน

3. ข้อมูลเชิงลึกช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

•    การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในหลายด้านส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป สำหรับ Grab เครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราปรับแผนได้อย่างรวดเร็วคือ ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม

•    ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไป และคนทำงานจากที่บ้านเพิ่มขึ้น ทำให้พฤติกรรมการใช้แอปพลิเคชันเปลี่ยนไปหลายด้าน เช่น ในช่วงแรกของการแพร่ระบาดและเริ่มมาตรการล็อคดาวน์ เราเห็นจำนวนเงินที่สั่งอาหารแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น มีพาร์ทเนอร์ร้านค้าสมัครเข้ามาเพิ่มขึ้น และพาร์ทเนอร์คนขับใหม่ๆ เน้นรับงานแบบพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้เสริม ในช่วงที่รายได้หลักอาจลดลง เป็นต้น

•    เมื่อรูปแบบการใช้งานเปลี่ยนไป แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จึงต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาปรับวิธีการให้สินเชื่อและการผ่อนชำระ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของพาร์ทเนอร์ในกลุ่มต่างๆ

กลยุทธ์ครึ่งปีหลัง

1.  บริหารจัดการต้นทุนด้านการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ระบบการชำระเงินของ GrabPay ถือเป็นพื้นฐานของธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม Grab ทั้งหมด ตั้งแต่การจ่ายเงินของผู้ใช้ ระบบการจ่ายเงินให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าและคนขับ การผ่อนชำระสินเชื่อ และการชำระเบี้ยประกันในอนาคต ดังนั้น การบริหารต้นทุนที่ดี และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบจะช่วยให้เรามีศักยภาพในการเติบโตเพิ่มขึ้น

2.  เร่งการเติบโตของการชำระเงินแบบไร้เงินสดในต่างจังหวัด การชำระเงินแบบไร้เงินสดบนแพลตฟอร์ม Grab ในปัจจุบันยังคงอยุ่ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก เนื่องจากมีการใช้งานบัตรเครดิตค่อนข้างน้อย เราจึงต้องเร่งการเติบโตผ่านวอลเล็ตเป็นหลัก โดยเราเตรียมออกแคมเปญการตลาดเพื่อเจาะในจังหวัดที่มียอดการใช้งานแอปพลิเคชันสูง รวมถึงเปิดให้ลูกค้าธนาคารอื่นๆ สามารถใช้งาน GrabPay Wallet ได้ด้วย (นอกเหนือจากปัจจุบันซึ่งใช้ได้เฉพาะลูกค้าธนาคารกสิกรไทย) โดยเป้าหมายสูงสุดในระยะยาวของเราคือ มีสัดส่วนธุรกรรมแบบไร้เงินสด 80%

3. ขยายบริการสินเชื่อให้ครอบคลุมหลายกลุ่ม ปัจจุบัน Grab ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ให้บริการสินเชื่อแก่พาร์ทเนอร์คนขับ ได้แก่ สินเชื่อเงินสดผ่านแอป และสินเชื่อผ่อนชำระสมาร์ทโฟน ในครึ่งปีหลัง เราเตรียมให้สินเชื่อแก่พาร์ทเนอร์ร้านค้า Grab Food เน้นร้านค้าขนาดกลางมาจนถึงขนาดเล็ก โดยจะใช้รูปแบบใกล้เคียงกับสินเชื่อสำหรับคนขับ คือ ผ่อนชำระรายวัน ชำระได้ผ่านแอป และขับเคลื่อนด้วยข้อมูล คาดว่ายอดสินเชื่อใหม่ของปี 2563  

4.  เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันที่เกี่ยวข้องกับบริการของ Grab เราเตรียมเปิดตัวประกันที่พาร์ทเนอร์และผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ โดยมองหาพันธมิตรที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับวิสัยทัศน์ของ Grab ในปัจจุบันเรามีการร่วมมือกับ จงอัน , ชับบ์ และพันธมิตรในประเทศไทยคือ เมืองประกันชีวิต และซันเดย์

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

สภาดิจิทัลฯ ผนึกกำลังรัฐบาล ตั้งเป้าดันไทยสู่ Digital Hub แห่งอาเซียนภายใน 3 ปี

ในขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเร่งพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัล ประเทศไทยก็ไม่ยอมนิ่งนอนใจ ล่าสุดสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (สภาดิจิทัลฯ) นำโดย ...

Responsive image

OpenAI ท้าชน Google เปิดตัว ChatGPT Search พลัง AI ใช้ง่าย แม่นยำ ทันสมัย พร้อมใช้งานวันนี้

OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ค้นหา ChatGPT Search ท้าชน Google ในตลาด Search Engine ด้วยความสามารถที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว แม่นยำและให้ข้อมูลที่ทันสมัย พร้อมให้ใช้งานจริงได้แล้ววันนี้!...

Responsive image

ทำไมสิงคโปร์ ถึงกลายเป็นที่ลงทุนด้าน Deep Tech จากทั่วโลก ?

แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่การลงทุนเกิดการชะลอตัว แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘สิงคโปร์’ ที่กำลังผงาดขึ้นอย่างเงียบๆ ในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “Deep Tech” ซึ่งเป็...